นายอนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นหน่วยงานหลักในการมีบทบาทด้านการพัฒนาสังคม อันเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพและความมั่นคง ในชีวิตของประชาชน ซึ่งนับเป็นบทบาทที่สำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ตระหนักดีว่าภารกิจดังกล่าวจะสำเร็จได้ ต้องอาศัย ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะจากประชาชนที่มีจิตอาสา และผู้ที่เป็นอาสาสมัครที่จะเป็นผู้ชี้เป้า เฝ้าระวัง และร่วมใจในการ มีส่วนร่วมพัฒนาสังคม เพราะจิตอาสาและอาสาสมัครนั้น มีความใกล้ชิดกับประชาชนผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนในชุมชนโดยตรง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากปี ๒๕๕๕ กระทรวงฯ ได้จัดเวทีรับฟังข้อเสนอแนะการพัฒนาระบบการส่งเสริมงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ระดับภาค ๔ ภาค และระดับประเทศ โดยผู้แทน อพม. ได้ยื่นข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์ให้แก่กระทรวงฯ และในปี ๒๕๕๖ กระทรวงฯ ได้ขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงาน อพม. ตามพันธกิจเรื่องการเสริมสร้างศักยภาพและบทบาทเครือข่ายจิตอาสา โดยจัดกิจกรรมการสำรวจข้อมูลทะเบียน อพม. ทั่วประเทศให้เป็นปัจจุบัน การจัดทำข้อมูลสารสนเทศฐานข้อมูลเผยแพร่ให้ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องรู้จักบทบาท อพม. การปรับปรุงแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมระบบงาน อพม. ให้มีประสิทธิภาพ และการมอบหมานภารกิจให้ อพม. มีบทบาทในการมีส่วนร่วมการจัดกิจกรรมด้านการพัฒนาสังคม โดยบูรณาการร่วมกับตำบลต้นแบบ จังหวัดละ ๕ ตำบล และส่งเสริมการขยายผลการปลูกจิตสำนึกจิตอาสาในเด็กและเยาวชน ภายใต้การดำเนินงานโครงการคนไทยใจอาสา โดยใช้พื้นที่สถานศึกษาเป็นแกนหลักร่วมกับชุมชน จังหวัดละ ๑๐ แห่ง หลังจากนั้นสำนักมาตรฐานการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ดำเนินการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามประเมินผลและคัดเลือกโครงการนวัตกรรมด้านการพัฒนาสังคม และนวัตกรรมโครงการคนไทยใจอาสา ระดับ ๔ ภาค ที่ดำเนินงานโดย อพม. ซึ่งแบ่งเป็น ๓ ชุด จำนวนทั้งสิ้น ๔๓ ราย ดังนี้ ๑)สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ที่มีการส่งเสริมงานด้านการพัฒนาสังคมและมีโครงการได้รับคัดเลือกเป็นโครงการนวัตกรรม จำนวนทั้งสิ้น ๑๙ จังหวัด ๒)ผู้แทนคณะกรรมการ อพม. ที่ได้รับคัดเลือกเป็นโครงการนวัตกรรมด้านการพัฒนาสังคม ภาคละ ๓ ราย รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑๒ ราย และ๓)ผู้แทนสถานศึกษา/เครือข่ายที่ได้รับคัดเลือกเป็นโครงการนวัตกรรมโครงการคนไทยในอาสา ภาคละ ๓ ราย รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑๒ ราย
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงฯ มีภารกิจตามนโยบายเร่งด่วนและแผนงาน/โครงการสำคัญ ตามนโยบายต่อเนื่อง ของรัฐบาล เพราะประเทศไทยเดินไปตามกระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกประเทศ รัฐบาลจึงมีนโยบายในการเตรียมความพร้อมของประเทศ โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับสังคม ชุมชน ครอบครัว และประชาชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ครอบครัวเข้มแข็ง และสังคมมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งกระทรวงฯ ได้ปรับเปลี่ยนการทำงานจากเชิงรับเป็นเชิงรุกเพิ่มมากขึ้น เพื่อก่อให้เกิดการขับเคลื่อนการแก้ไข้อย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การทำงานด้วยยุทธวิธีรับและรุกอย่างรวดเร็ว จึงเป็นหลักการทำงานที่สำคัญของกระทรวงฯ ที่ต้องเป็นเจ้าภาพในเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการเพิ่มโอกาสให้กับประชาชน ซึ่งกระทรวงฯ ได้ให้ความสำคัญเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ อพม. ดังต่อไปนี้ ๑) การดำเนินงาน OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม ๒) การให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุ ๓) มุ่งสร้างและส่งเสริมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและส่งเสริมการประกอบอาชีพ ๔) กองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงฯ และ ๕) นโยบายเชิงรุก
“การจัดงานครั้งนี้ เป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติและเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่ อพม. สถานศึกษา รวมถึง พมจ. ที่มีการส่งเสริมการดำเนินงานด้านการพัฒนาสังคมอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และเป็นต้นแบบในการขยายผลการดำเนินงานแก่ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน กระทรวงฯขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านในการเป็นกำลังสำคัญ ในการพัฒนาประเทศและนำความผาสุก ความมั่นคงของชีวิต ไปสู่ประชาชนร่วมกันตลอดไป” นายอนุสรณ์ กล่าวตอนท้าย.