“หลังเฟดต่อ QE หุ้นกลับมาดีขึ้น แต่ปัญหาเดิมกลับมา คือเงินทุนไหลเข้า แม้ว่าจะไม่มากเท่ากับช่วงต้นปี แต่ค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าขึ้นและกดดันการส่งออก ดังนั้น โอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วๆนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ อีกทั้งเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ยังต้องการดอกเบี้ยต่ำช่วยประคอง”
“บลจ.ฟินันซ่า จึงเสนอทางเลือกแก่ลูกค้าที่หลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ด้วยการออกกองทุนตราสารหนี้ 3 เดือน ชื่อ กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 3 เดือน 1 (FAM FIPR3M1) โดยมีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 3.05% ต่อปี เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 23 — 30 ก.ย.56 โดยสินทรัพย์ในกองทุนบางส่วนจะลงทุนเป็นเงินฝากธนาคารต่างประเทศและในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ลงทุนได้ขึ้นไป”
สำหรับการลงทุน 3 เดือน เป็นกองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากการเปิดขายกองก่อนหน้านี้, FAM FIPR3M1 เป็นกองทุน specific fund โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC(Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia), Akbank T.A.S. (Malta) หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บจ.ธนบรรณ (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ. อีซี่บาย (BBB+) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป, ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
หมายเหตุ: * โดยอัตราผลตอบแทนที่เสนอโดยผู้ออกตราสารและมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY, AED เป็นเงินบาทแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 23 กันยายน 2556)
** เงินฝากธนาคารออมสิน หรือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ตั๋วเงิน หรือ หุ้นกู้ ธนาคารเกียรตินาคิน, ธนาคารไอซีบีซี(ไทย), ธนาคารทิสโก้, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย, ธนาคารกรุงไทย, บมจ.ทุนธนชาต, ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์, บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย(SMC)(A+) เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 23 กันยายน 2556)
***ตั๋วแลกเงินหรือหุ้นกู้ เช่น หุ้นกู้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง(BBB+), บมจ.บัตรกรุงไทย(BBB+), บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง(BBB+), บมจ.แสนสิริ(BBB+), บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(BBB+), บมจ.มั่นคงเคหะการ(BBB+), บมจ.ถิรไทย(BBB+),บมจ.ช การช่าง(BBB+), บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ(BBB+), บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์(A), บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) (A), บมจ.ศุภาลัย(A-), บมจ.ภัทรลิสซิ่ง (A-), บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(A-), บมจ.อยุธยาแคปปิตอล ออโต้ลิส(A+), บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(A), บจ.กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง(AA-) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade)
- หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือผลการประมูลของตราสารไม่เป็นไปตามที่กำหนด ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ประมาณการไว้
- ทั้งนี้ ตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุน และประมาณการค่าใช้จ่าย อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
- กองทุนจะถือทรัพย์สินที่ลงทุนตลอดรอบการลงทุนแต่ละรอบ 3 เดือนโดยประมาณ
หากผู้ถือหน่วยไม่ส่งคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนมาภายในวันและเวลาที่กำหนดในการเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุน บริษัทจัดการจะถือว่าผู้ถือหน่วยลงทุนประสงค์ที่จะลงทุนต่อไปในรอบการลงทุนถัดไป
บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุนและประมาณการค่าใช้จ่าย สำหรับการลงทุนในแต่ละรอบทุก 3 เดือนโดยประมาณ โดยไม่ถือเป็นการแก้ไขโครงการ โดยจะแจ้งรายละเอียดการลงทุนดังกล่าว ในหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปและหรือเว็บไซด์ของบริษัทจัดการ ให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้า
โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท ซึ่งหากนักลงทุนสนใจ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-352-4050 อัตราผลตอบแทนสามารถดูได้จากเอกสารแนบ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต