นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ไตรมาส4/2556 ว่า การฟื้นตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย(GDP) จะกลับมาฟื้นตัว ตั้งแต่ไตรมาส4/2556 เป็นต้นไป โดยมองว่าภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว จะเข้ามาเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้ตัวเลขGDP ในไตรมาส4/2556 มีอัตราการเติบโตเกิน 4% เนื่องจากดุลการค้าระหว่างประเทศ(X-M) พบว่า Global PMI เริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกตั้งแต่เดือนก.ย เริ่มฟื้นตัว
ขณะเดียวกัน ภาคการส่งออกได้แรงหนุนจาก THB/USD ที่อ่อนค่าลงจากสิ้นไตรมาส2/2556 และ 19 เม.ย.จนถึง 19 ก.ย. ที่31.66 คิดเป็น2.1% และ10.9% ดังนั้นจากปัจจัยข้างต้น กลุ่มที่น่าจับตา และมีความโดดเด่น คือกลุ่มเดินเรือ กลุ่มสินค้าเกษตร และกลุ่มชิ้นส่วนอินเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ หากพิจารณาจากดุลบัญชีเดินสะพัดจะปรับเกินดุลชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส4/2556 จากการส่งออกและการท่องเที่ยว และจะโดดเด่นที่สุดในไตรมาส1/2557 ทำให้คาดการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตของ GDP
ทั้งนี้ จากปัจจัยในข้างต้น ทางบล.โกลเบล็ก มองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนต.ค.เป็นต้นไป โดยมีปัจจัยหนุน 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.การส่งออกที่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวในตั้งแต่เดือนก.ย. 2.การท่องเที่ยวเข้าสู่ช่วงHigh Season 3.การคาดการณ์ตลาดปรับลดประมาณการกำไรจนถึงระดับต่ำสุด และสะท้อนไปในราคาหุ้น 4.การพิจารณา พรบ.เงินกู้น่าจะมีความชัดเจนขึ้นในชั้นพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 5. เศรษฐกิจDM และจีน ที่ฟื้นตัวชัดเจนจะหนุนกลุ่ม Commodities และ6.Fiscal Cliff มีความชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางบล.โกลเบล็ก ตั้งเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ไว้ที่ระดับ 1,417 จุด พร้อมแนะนำลงทุนในหุ้น TOP โดยให้ราคาเป้าหมายที่ระดับ 75.35 บาท เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นดังกล่าวมีการปรับตัวลดลง22% จากที่Peak เมื่อต้นเดือนเม.ย.ลดลง11.9% YTD โดยUnderperform SETENERG ที่ปรับตัวลงมาจากPeak 10.7% และ ลดลง4% YTD สะท้อนGRM ที่ลดลง ประกอบกับอุสงค์ที่ชะลอตัว และผลขาดทุนจากสต็อกไปแล้วในระดับสูง คาดว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส2/2556 และคาดว่าจะพลิกกลับมาเป็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส3/2556 ที่ระดับ3-3.5 ล้านบาทต่อไตรมาส
ในขณะที่BANPU ให้ราคาเป้าหมายที่ 337 บาท โดยมองว่าราคาถ่านหินผ่านจุดต่ำสุด และจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามเศรษฐกิจจีน ,US และ EU ที่ปรับตัวดีขึ้น คาดอุปสงค์ถ่านหินต้นทุนต่ำ เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้ายังเติบโตในระยะยาว โดยคาดว่ากำไรในปี2557 มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 28%
หุ้นTTA เป็นหุ้นที่มีผลประกอบการที่Turnaround ต่อเนื่องในไตรมาส4/2556(ก.ค.-ก.ย.) จากธุรกิจเรือเทกองที่ค่อยๆปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว โดยเฉพาะการส่งออกไปยังจีน และไปEU ได้ส่งผลให้BDI แตะระดับ 1822 จุด+55.6%QTD ซึ่งจะส่งผลให้ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นเกินกว่าต้นทุนการเดินเรือที่ 1.1หมื่นเหรียญ/วัน ขณะเดียวกันผลประกอบการUMS ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งไม่มีการตั้งสำรองการด้อยค่าสต็อกสินค้าอีก ขณะที่ธุรกิจของMMT ยังคงเป็นหัวจักรสำคัญในการผลักดันผลประกอบการให้บริษัทฯ เราจึงแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย 22.3 บาท
นอกจากนี้ ยังแนะนำซื้อ AOT โดยให้ราคาเป้าหมาย230 บาท โดยมองว่าการท่องเที่ยวไทยมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง 28%YOY ในเดือนส.ค.ทำจุดสูงสุดใหม่ และคาดว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งภายในไตรมาส4/2556 เนื่องจากเป็นช่วง High Season
“การเศรษฐกิจ และ กำลังซื้อจากประเทศจีน และรัสเซีย ที่สูงขึ้น จะเป็นปัจจัยหลักที่การท่องเที่ยวไทยเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่มาตรการของรัฐบาลจีนในการควบคุมคุณภาพนักท่องเที่ยว และส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวนักท่อเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น ” นายจักรกริช กล่าว