นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 21-28 ตุลาคม 2556 บลจ. กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 60 เดือน เอ (KFI60MA) ซึ่งเป็นกองทุนใหม่ที่มีอายุโครงการประมาณ 5 ปี แต่เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยผลตอบแทนประมาณการไว้ที่ 4.30% เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่พร้อมลงทุนได้ในระยะยาว และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงต่ำ ซึ่งกองทุนดังกล่าวเน้นการลงทุนในหุ้นกู้ชั้นนำของบริษัทในประเทศไทย โดยเบื้องต้นจะลงทุนในหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐที่ออกโดย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐที่ออกโดย บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งหุ้นกู้ทั้งสองได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก S&P อยู่ที่ระดับ BBB+ ร่วมด้วยหุ้นกู้ของบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และหุ้นกู้ของบริษัท บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จํากัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A และ A+ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังลงทุนเพิ่มเติมในหุ้นกู้ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ A+ พร้อมด้วยนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และกองทุนดังกล่าวจะมีการจ่ายผลตอบแทนโดยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกๆ 6 เดือน
นางสาวยุพาวดีกล่าวต่อไปว่า “ในช่วงเวลาที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย ได้มีการเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ มีทั้งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้ลงทุน โดยก่อนหน้านี้ บลจ.กสิกรไทย เคยเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว อายุโครงการ 43 เดือนและ 48 เดือน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนจนทำให้มียอดจองซื้อเข้ามาเต็มมูลค่าโครงการก่อนปิดการเสนอขาย เนื่องจากการลงทุนในตราสารหนี้ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจและยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจแก่นักลงทุนได้ ภายใต้ความสามารถในการรับความเสี่ยงระดับปานกลางถึงต่ำ ดังนั้นจึงมั่นใจว่ากองทุนตราสารหนี้ อายุโครงการ 5 ปี ที่เสนอขายในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน”
สำหรับมุมมองเศรษฐกิจ นางสาวยุพาวดีกล่าวว่า จากผลการประชุมล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา ยังมีนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.50% และคาดการณ์ว่าจะยังทรงตัวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นที่ยังขาดเสถียรภาพ เนื่องจากนักลงทุนยังหวั่นวิตกกับเรื่องของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมทั้งปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดรัฐบาลสหรัฐได้รับการขยายเวลาชำระหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 อย่างไรก็ตามหากมองสถานการณ์โดยรวม ยังอาจทำให้ภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวน บลจ.กสิกรไทยจึงแนะนำให้ผู้ลงทุนเลือกกระจายความเสี่ยงและจับจังหวะเข้าลงทุน หรือสามารถเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการที่สามารถล็อกผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจได้