ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
การฟื้นตัวของธุรกิจหลังน้ำท่วม: ธุรกิจของ SVI ฟื้นตัวกลับมาหลังเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 กำลังผลิตของบริษัทได้เพิ่มกลับมาเท่ากับช่วงก่อนเหตุการณ์น้ำท่วม โดยรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 16.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ฟิทช์เชื่อว่า SVI จะสามารถรักษาสถานะทางธุรกิจ และฐานะการเงินให้สอดคล้องกับอันดับเครดิตปัจจุบันในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง: ฟิทช์คาดว่า SVI น่าจะสามารถรักษาอัตราส่วน FFO-Adjusted Net Leverage ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่าได้ในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 บริษัทมีเงินสดมากกว่าหนี้สินจำนวน 761 ล้านบาท ฟิทช์คากว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทซึ่งอยู่ที่ 500-550 ล้านบาท จะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับลงทุนจำนวน 350 ล้านบาทในปี 2556
เน้นผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ประเภท non-traditional: SVI ได้รับประโยชน์จากการที่บริษัทเน้นการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับบนประเภท non-traditional ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีความผันผวนจากความต้องการที่ต่ำกว่า และมีอัตราส่วนกำไรจากการผลิตที่สูงกว่า ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้รายได้ และอัตราส่วนกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสภาวะอุตสาหกรรมที่ท้าทาย (ยกเว้นปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทเพิ่งฟื้นตัวจากเหตุการณ์น้ำท่วม)
เติบโตของอุตสาหกรรม: SVI ยังคงได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจให้บริการแบบครบวงจรในการประกอบผลิตภัณฑ์ประเภทวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูป ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนแนวโน้มที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Original Equipment Manufacturer) จะว่าจ้างผู้รับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ผลิตแทนเพิ่มขึ้น
ขนาดและการกระจุกตัวของรายได้: ปัจจัยเสี่ยงของ SVI ประกอบด้วยการที่บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่กระจุกตัว แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจรับประกอบแผงวงจรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภท non-traditional รวมถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ SVI ยังเผชิญกับความผันผวนของความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียน และความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตามบริษัทมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วนโดยการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยลบ:
- หนี้สินสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการจ่ายเงินปันผลที่สูง การลงทุนที่สูงกว่าที่คาดไว้ หรือการเข้าซื้อกิจการอื่นโดยใช้เงินทุนจากการกู้ยืมที่สูง (Debt Funded Acquisition) ซึ่งส่งผลให้ FFO-Adjusted Net Leverage สูงกว่า 1.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง
- อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า ต่อรายได้ (EBITDAR Margin) ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 6% อย่างต่อเนื่อง (ปี 2555 บริษัทมี EBITDAR margin อยู่ที่ 7.45%)
- สถานะทางการตลาดที่อ่อนแอลง หรือการสูญเสียลูกค้ารายสำคัญ
ปัจจัยบวก:
- ขนาดธุรกิจของบริษัทมีการขยายตัวโดยมีรายได้สูงกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ปี 2555 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 248 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
- การกระจายตัวของลูกค้าและกลุ่มลูกค้าตามภูมิภาคที่มากขึ้น โดยที่บริษัทยังคงรักษา EBITDAR Margin ให้อยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 10 อย่างต่อเนื่อง