ถ้าลองย้อนมองดูตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาเอง พบว่า ในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในทิศทางที่ดี และยังส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐเองดูดีขึ้นด้วย จากข้อมูลของสมาคมอสังหาริมทรัพย์นานาชาติ (National Association of Realtors : NAR) ระบุว่า ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยอดขายบ้านในสหรัฐอยู่ที่ 5.39 ล้านยูนิต และลดลงมา จนในช่วงเดือนกันยายน ถัดมาอยู่ที่ 5.29 ล้านยูนิต ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยของความไม่ชัดเจนด้านปัญหาเพดานหนี้และงบประมาณ ก่อนที่จะมีการประกาศ Government Shutdown ในช่วงต้นเดือนตุลาคม แม้ว่าการซื้อขายปรับตัวลดลง แต่สถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาถือได้ว่าเกือบอยู่ในช่วงสูงสุด ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ราคาของที่อยู่อาศัยยังคงมีแนวโน้มที่สูงขึ้น เนื่องจากจำนวนสต็อกที่อยู่ในตลาดยังคงมีอยู่อย่างจำกัด จึงมองว่าปัญหาของรัฐบาลสหรัฐเป็นเพียงปัจจัยส่วนหนึ่งในการชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านในสหรัฐเท่านั้น และยังคงมีประเด็นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น การเพิ่มค่าประกันในโซนที่มีอุทกภัยในบางรัฐ รวมทั้ง ด้านภาษี ที่อาจทำให้การซื้อขายมีโอกาสลดลง
ด้านนายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่21 (ประเทศไทย) จำกัด ได้ชี้ถึงภาพรวมของการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก และยังพบว่า มหานครในสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ยังคงเป็นแหล่งที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอันดับต้น ๆ ไม่ว่า จะเป็น มหานครนิวยอร์ค, กรุงลอนดอน, ซานฟรานชิสโก หรือกรุงปารีส
และจากข้อมูลของ Association of Foreign Investor in Real Estate (AFIRE) พบว่าประเทศที่ยังคงสร้างโอกาสการเติบโตของเม็ดเงินที่ลงทุนดีที่สุด ก็คือประเทศสหรัฐอเมริกา รองลงมาคือ บราซิล และ อังกฤษ
จากตารางดังกล่าว เรามองได้ว่า มีการไหลของเงินทุนเข้ามาในประเทศแถบเอเชียมากขึ้น ไม่ว่าจะมาลงทุนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น หรือเครื่องมือทางการเงินทั้งหลาย รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ และมีข้อมูลที่น่าสนใจจาก AFIRE ที่ทำการสำรวจข้อมูลการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ในประเทศและเมืองต่างๆ ทั่วโลก พบว่า
การจัดอันดับในการพิจารณาเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศที่เ ป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Country) พบว่า นักลงทุนได้มองประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจ 1 ใน 10 รอง มาจาก ประเทศที่อยู่ในเอเชียอื่น ๆ คือ จีน และ อินเดีย
โดยในช่วงปี 2555-2556 ที่ผ่านมาถือได้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเราได้รับความสนใจจากนักลงทุนชาวต่างชาติทั่วโลก ซึ่งจากข้อมูลของเว็บไซต์ด้านการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นานาชาติ ที่มีเครือข่ายทั่วโลกอย่าง Themovechannel.com ยังพบอีกว่า จากรายการทรัพย์สินกว่า 400,000 รายการของเว็บไซต์นี้นั้น รายการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย เป็นจุดหนึ่งที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ และจากข้อมูลในไตรมาสที่สองของปีนี้ อสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 3 จากการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก รองมาจากอันดับหนึ่งและสอง คือ อเมริกา และ สเปน ซึ่งดูได้จากตารางด้านล่างนี้
ข้อมูลที่น่าสนใจอีกด้านหนึ่งจากเว็ปดังกล่าวนี้ คือ พื้นที่หรือสถานที่ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจในด้านอสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยว หรือจังหวัดชายทะเลอย่าง พัทยา ที่มาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือภูเก็ต หัวหิน สมุย และกรุงเทพฯ
จากรายงานข้างต้น ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจจากชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก และในฐานะเจ้าของประเทศ หรือนักธุรกิจด้านอสังหา ฯ และไม่ว่าจะเป็นผู้พัฒนาโครงการ เอเจนต์ ที่ปรึกษาโครงการ นักลงทุน รวมถึงเซ็นจูรี่21 (ประเทศไทย) จำกัด เอง จึงต้องเร่งและพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระดับประเทศ และระดับองค์กรให้สูงขึ้น ซึ่งประเด็นนี้อาจจะต้องเป็นการบ้านให้หลายๆ คน ต้องช่วยกันศึกษาและหาแนวทางกันต่อไป