นายสุภศักดิ์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด ที่ปรึกษาด้าน ตรวจสอบบัญชี ภาษีและกฎหมาย บริหารความเสี่ยง และ ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการธุรกิจและการเงิน ที่มีเครือข่ายทั่วโลก เปิดเผยว่า จากการประเมินสภาวะเศรษฐกิจโลกจากประเทศผู้นำทั้งอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และยุโรป ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถฟื้นตัว จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้มากนัก แต่สถานการณ์ไม่ได้ตกต่ำกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนผลกระทบด้านฝั่งเอเชียยังคงเป็นปัญหาผลกระทบต่อค่าเงินทั้งภูมิภาค จึงมองว่าภาพรวมปัญหาทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะยังคงดำเนินไปเช่นนี้ อีกระยะหนึ่ง
นายสุภศักดิ์กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมาแม้ประเทศไทยจะเผชิญกับความท้าทายทั้งภัยธรรมชาติและ ปัญหาทางการเมือง แต่ก็สามารถเติบโตทางเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่ยังเล็งเห็นจุดแข็งของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน สามารถดึงดูดนักลงทุนภายนอกและผู้สนใจเข้ามาลงทุนในหลายรูปแบบ อาทิ การเปิดธุรกิจใหม่ การควบรวมกิจการ หรือการ ใช้ไทยเป็นฐานในการขยายตลาดสู่ประเทศอื่นๆ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 จึงเชื่อมั่นว่าในปีนี้เศรษฐกิจประเทศไทยจะยังคงเติบโตต่อไปได้ ถึงแม้จะเผชิญความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายในและนอกประเทศ
“แม้แผนการแก้ไขปัญหาจัดการน้ำยังไม่ชัดเจน แต่เราก็เห็นการกลับมาของนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น โครงการลงทุน 3.5 แสนล้านบาทของภาครัฐหากสามารถควบคุมข้อกังวลเรื่องความโปร่งใสได้ และทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมจริงๆก็จะช่วยสนับสนุนและเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ ประเทศไทย ควรมีนโยบายการลงทุนที่ดีและมีประสิทธิภาพกว่าเพื่อนบ้านคู่แข่งซึ่งกำลังไล่ตามมา” นายสุภศักดิ์กล่าว
นายสุภศักดิ์ยังเปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯว่า ในปีที่ผ่านมามีการเติบโต 10% โดยบริการผู้สอบบัญชี (Audit) ทำรายได้เป็นครึ่งหนึ่งของรายได้รวม ส่วนงานที่ปรึกษา (Advisory) มีอัตราเติบโตสูงถึง 20% เป็นไปตามแผนงานที่บริษัทฯ มุ่งเจาะตลาด ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ โดยมีงานใหม่ๆที่น่าจับตามองโดยเฉพาะในองค์กรของรัฐ เช่น การบริหารความเสี่ยง และการบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ (BCM) การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ขณะที่งานด้านที่ปรึกษาส่วนมากจะเกี่ยวกับการซื้อขายธุรกิจ การเข้ามาลงทุน
ของต่างชาติ หรือการได้สิทธิ์ประโยชน์ด้านการลงทุน โดยบริษัทฯมีลูกค้ากว่า 1,000 ราย
สำหรับแผนงานปีนี้ ดีลอยท์ มีการปรับปรุงแผนธุรกิจเพื่อรองรับกับการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะกับการเปิด AEC ทั้งในด้านการให้คำปรึกษาลูกค้าในการไปเปิดตลาดต่างประเทศ รวมทั้งการเข้ามา ของนักลงทุนต่างชาติ โดยบริษัทฯ มองเห็นประเด็นปัญหาข้อกำหนดกฎเกณฑ์ระบบบัญชีและภาษี แต่ละชาติยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยได้ตั้งกลุ่มงานใหม่ในสายงานสอบบัญชีขึ้นมาให้บริการ คำแนะนำเชิงเทคนิคงานบัญชีแก่ลูกค้า เช่น งานเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ทั้งไทยและสากล (IFRS/TFRS Implementation Services), งานบริการให้คำปรึกษาและวิเคราะห์รายการธุรกิจที่ซับซ้อนและเตรียมความพร้อมต่อผลกระทบในงบการเงิน (Financial Reporting Advisory Services), งานการเตรียมความพร้อมเพื่อระดมทุนจากตลาดทุนหรือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO Readiness Services), งานตรวจสอบและประเมินคุณภาพด้านข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่อาศัยทักษะการตรวจสอบงบการเงิน (Due Diligence Relevant to Financial Audit), งานตรวจสอบรายงานเพื่อความยั่งยืน (Assurance Report on Sustainability Report) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่ เพื่อให้บริการ Integrated Service โดยจะช่วยลูกค้าดูแลงาน Back Office ครอบคลุมงานบัญชี งานบริหารเงินเดือน งานภาษี ตลอดจนงาน Secondment ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการด้านนี้มากขึ้น
ในปีนี้ บริษัทฯ ยังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจให้คำปรึกษาไปยังประเทศเขมรและลาว ภายหลังการเปิดสำนักงานที่พม่าในปีที่ผ่านมา สิ่งสำคัญคือความพร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยผลักดันธุรกิจและประโยชน์ของลูกค้า ซึ่งดีลอยท์ประเทศไทยเองก็มีแผนแลกเปลี่ยนบุคลากรใหม่ๆ จากประเทศในเขต AEC นอกเหนือไปจากการแลกเปลี่ยนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ได้วางเป้าหมายแลกเปลี่ยนบุคลากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 50 คน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มพูนทักษะประสบการณ์ สามารถแก้ไขปัญหาเวลาเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันในแต่ละภูมิภาค
“ขณะนี้เรามั่นใจในความแข็งแกร่งของเครือข่ายเราในอาเซียนที่พร้อมรับมือ AEC ก้าวต่อไป ดีลอยท์ ยังมีแผนการร่วมสร้าง แบ่งปัน ทักษะความเชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มคุณภาพงานให้ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น ตามโปรแกรม Talent Program ของดีลอยท์ที่มุ่งสร้างสรรค์ความเป็นมืออาชีพของพนักงานดีลอยท์” นายสุภศักดิ์กล่าวในที่สุด