นายจิระวัฒน์ มาลีรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนเชอรัล โฮม จำกัด กล่าวว่าที่ผ่านธุรกิจรับสร้างบ้านยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐชัดเจนเท่าที่ควร เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับ GDP อย่างไรก็ดีในส่วนของลูกค้าหรือผู้ปลูกสร้างบ้านที่ใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน ที่ผ่านมาไม่มีตัวเลขหนี้เสีย หรือ NPL เพราะเป็นผู้ที่ต้องการสร้างบ้านเพื่ออยู่จริง ผู้ที่จะปลูกสร้างบ้านส่วนใหญ่มีการวางแผนที่เป็นระบบมาเป็นเวลานานพอสมควรก่อนที่จะสร้างบ้าน
อย่างไรก็ดีในช่วงที่ผ่านมาสถาบันการเงินต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าปลูกสร้างบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ไม่มีแบงก์ปล่อยกู้การสร้างบ้านเลย โอกาสจะปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าสร้างบ้านยากมาก แต่ปัจจุบันมีหลายแบงก์หันมาให้ความสนใจ มีแคมเปญสำหรับลูกค้าปลูกสร้างบ้านเองมากขึ้น โดยบางธนาคารให้สินเชื่อถึง 110 % คือ นอกจากค่าปลูกสร้างบ้าน ยังให้ค่าถมดิน ค่าทำรั้ว เป็นต้น เป็นการพิสูจน์ว่าคนปลูกสร้างบ้านคือ เรียล ดีมานด์ ไม่มีการเก็งกำไรในเซ็คเม้นท์นี้ ซึ่งหากรัฐคำนึงถึงเรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชน และมีนโยบายสนับสนุนมากขึ้น โอกาสที่ธุรกิจนี้จะเติบโตก็จะมีมากขึ้น โดยตัวเลขการขอจดเลขที่บ้านในปีนี้ ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลประมาณ 40,000 ล้านบาท คิดเป็นลูกค้าที่ใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านประมาณ 12,000 ล้านบาท
นายจิระวัฒน์กล่าวว่าบริษัท เนเชอรัลโฮม เป็นบริษัทรับสร้างบ้านคุณภาพมาตรฐานที่ฉลองครบรอบปีที่ 12 ด้วยผลงานการก่อสร้างบ้านมาแล้วกว่า 100 หลัง สำหรับการทำตลาดช่วงโค้งสุดท้ายในปีนี้ของ เนเชอรัล โฮม จะนำแพคเกจโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ไปนำเสนอลูกค้าในงานบ้านและสวน แฟร์ 2013 ที่จะจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 2-10 พฤศจิกายนนี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยคาดว่าจะสามารถดันให้มียอดขายในปีนี้โตขึ้น 10 % โดยถือเป็นการทำตลาดสุดท้ายของปี จึงมีแคมเปญต่างๆ มากมาย อาทิ 1. บ้าน 8 แบบ 8 สไตล์ ราคาเดียว 4.99 ล้านบาท จากราคาเดิมคือ 5.9 ล้านบาท 2. คัดแบบบ้านยอดนิยมมาจัดแคมเปญ มอบส่วนลดสูงสุด คิดเป็นวงเงินถึง 1.4 ล้านบาท 3.แบบบ้านใหม่ทั้งซีรี่ส์ The jewel of Life อัญมณีนพเก้าแทนความหมายดีๆ ที่ทรงคุณค่า และ ซีรี่ส์Natural Urban Home ซึ่งเป็นการออกแบบบ้านเอาใจคนที่ต้องการสร้างบ้านในเมือง บนที่ดินเก่าซึ่งอาจจะมีที่ดินจำกัด แต่ได้ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน “ธรรมชาติของลูกค้าปลูกสร้างบ้านจะตัดสินใจช่วงปลายปี จึงคิดว่าในขณะนี้ยังมีความเคลื่อนไหวในการทำตลาดของบริษัทรับสร้างบ้านให้เห็นอย่างคึกคัก” นายจิระวัฒน์กล่าว
สำหรับปัญหาภาคแรงงานก่อสร้างในบ้านเรานั้น นายจิระวัฒน์กล่าวว่า ปัจจุบันมีทั้งแรงงานไทยและต่างด้าว โดยในอนาคตอันใกล้นี้ที่จะเปิดการค้าเสรี AEC การเดินทางทำงานข้ามประเทศ การจ้างงานจะสะดวกและง่ายขึ้น โดยทุกวันนี้แรงงานต่างด้าวในไทยมีมากขึ้น และมาจากหลายประเทศ ทั้งลาว เขมร พม่า เป็นต้น โดยค่าแรงขึ้นต่ำเป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด คือ 300 บาท โดยในส่วนของบริษัทมีการจ้างแรงงานต่างด้าวเข้าระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่เป็นการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ เนื่องจากแรงงานจะอยู่กับบริษัทได้ถึง 4 ปี จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะเมื่อฝึกจนถึงขั้นเป็นแรงงานฝีมือ ลูกค้าก็จะได้รับบ้านที่มีการคุณภาพในการก่อสร้างสูงขึ้น