นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้น บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด ทางสำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งของ บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต.เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกจำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 320 ล้านบาท โดยทุนที่ออกจำหน่ายและเรียกชำระแล้ว มีจำนวน 240 ล้านบาท คิดเป็น 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
สำหรับ บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี ถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมด้านการรับจ้างผลิตและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ตามแบบและขนาดที่ลูกค้าเป็นผู้กำหนด ซึ่ง ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นลูกค้าต่างประเทศในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น พลังงานและปิโตรเคมี เหมืองแร่ โรงไฟฟ้า และอื่นๆ โดยมีตัวอย่างผลงานเช่น งานโครงสร้างเหล็กท่าเรือ โครงสร้างระบบสายพานอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ภาชนะบรรจุน้ำมัน ปิโตรเลียม โครงสร้างเตาเผา งานประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ เช่น แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ งานติดตั้งโรงงานไฟฟ้า เหมืองแร่ และ เขื่อนกันชายฝั่ง เป็นต้น
โดยนักวิเคราะห์โบรกชั้นนำผู้ร่วมจัดจำหน่าย 8 แห่งได้แก่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บล.ทิสโก้ จำกัด บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บล.เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บล.โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บล.เคทีบี ประเทศไทย จำกัด และบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายเฉลี่ย 41 บาทต่อหุ้น และให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 44.5 บาทต่อหุ้น สะท้อนหุ้น BJCHI มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีอนาคตสดใส เติบโตแข็งแกร่งตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมพลังงานและเหมืองแร่ในประเทศออสเตรเลียที่มีเม็ดเงินลงทุนมหาศาลด้านพลังงานและเหมืองแร่ในประเทศออสเตรเลีย พร้อมทั้งชูจุดเด่นด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการในระดับสูง ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การทำงานในระดับนานาชาติมาอย่างยาวนานในหลากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลดีต่อขีดความสามารถในการทำกำไรได้ดี และคาด BJCHI สามารถทำรายได้กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ จากบทวิเคราะห์ บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี พบว่า นักวิเคราะห์แต่ละแห่งมอง BJCHI เป็นบริษัทฯที่มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ (Modularization) เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีความสามารถและประสบการณ์การทำงานในระดับนานาชาติ โดยกลุ่มลูกค้าของ BJCHI กระจายอยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงาน ปิโตรเคมี เหมืองแร่ ก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่น ปุ๋ย และท่าเรือ ในประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน เช่น ประเทศในทวีปออสเตรเลีย อเมริกาใต้ และเอเชีย
สำหรับลักษณะธุรกิจที่ BJCHI ทำตลาดอยู่นั้น จัดอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงเนื่องจากมีคู่แข่งน้อยราย และการแข่งขันด้านราคาไม่รุนแรงนัก รวมถึงยังมีอัตราการเติบโตที่ดี เช่น ธุรกิจพลังงานก๊าซธรรมชาติ (LNG) ที่มีบทบาทในฐานะเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของโลก ปัจจุบันมีโครงการลงทุนในประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ มีโครงการลงทุนในอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และเหมืองแร่ เป็นต้น รวม 350 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 500,000 ล้านเหรียญดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งจะลงทุนภายในปี 2560 ดังนั้น ประเทศออสเตรเลียจึงเป็นตลาดสำคัญของ BJCHI ที่จะสามารถเข้าไปแข่งขันรับงานได้เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน BJCHI มีมูลค่างานในมือ 3,334 ล้านบาท โดยเป็นงานใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในระหว่างปี 2556 จำนวน 1,494 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานไปจนถึงปี 2558 นอกจากนี้ จากแนวโน้มทิศทางพลังงานในตลาดโลกที่สดใสอย่างมากในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเชื่อว่า BJCHI จะมีโอกาสเข้าร่วมประมูลงานรวมมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยโครงการใหม่ และงานต่อเนื่องจากโครงการ APLNG ซึ่งเป็นฐานลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทฯ ส่งผลให้เชื่อมั่นว่าสามารถมีรายได้เติบโตโดดเด่นต่อเนื่องในอนาคต
สำหรับผลประกอบการ 2553 ที่ผ่านมา BJCHI มีรายได้ 556 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 813ล้านบาท ในปี 2554 และเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2555 ซึ่งมีรายได้กว่า 3,613 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 344% ขณะที่ 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 2,101 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่า 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิก็เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นจาก 71 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 792 ล้านบาทในปี 2555 คิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 1,015% และในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 542 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 145% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) สิ้นสุดไตรมาส 2 ปี 2556 อยู่ที่ 0.40 เท่า ลดลงจากปี 2554-2555 ซึ่งมี D/E อยู่ที่ 0.75 เท่า และ 0.45 เท่าตามลำดับ รวมถึงอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) สิ้นสุดไตรมาส 2 ปี 2556 อยู่ในระดับสูงถึง 104.25%
นาย หยัง เจิน ลี กรรมการผู้จัดการของบริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ จะนำไปลงทุนในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของบริษัทฯ และลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักรและอุปกรณ์ อีกส่วนนำไปลงทุนก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่และปรับปรุงพื้นที่ภายในบริษัทฯ ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนเพิ่มเติมในที่ดินและโรงงานแห่งใหม่ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการของบริษัทฯ
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ โดยบริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (ในนาม บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี)
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: ฐิยาภรณ์ ศรีอดุลย์พันธุ์ (ด๊ะ) โทร. 02 612 2081 ต่อ 124
Email : [email protected]