นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (Mr. Aphinant Klewpatinond, President and Chairman of the Commercial Banking Business) เปิดเผยว่า “หลังจาก 1 ปีที่ผ่านมาของการร่วมกิจการ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรมีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการใช้เงินทุนของธนาคารเพื่อเพิ่มศักยภาพขนาดการลงทุนในส่วนของธุรกิจตลาดทุนได้อย่างเต็มที่ มีการขายข้ามผลิตภัณฑ์ (Cross Selling) ในกลุ่มลูกค้าต่างๆ และที่สำคัญในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ (ธนาคารเกียรตินาคิน) ที่ได้จัดตั้งสายงาน สินเชื่อบรรษัทเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันได้เริ่มมีการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่หรือบริษัทลูก คาดว่าจะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมราวปลายปี 2556 นี้ ในส่วนของสินเชื่อรายย่อยนั้น ธนาคารจะไม่เน้นการแข่งขันทางด้านราคา โดยจะให้ความสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตลอดจนปรับปรุงผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของ Product Mix ให้มีความหลากหลายและตรงตามความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น อาทิ การให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในลักษณะผ่อนดาวน์ หรือการจ่ายค่างวดตามฤดูกาลเก็บเกี่ยว เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนในแต่ละส่วนงานต้นปี 2557”
ในส่วนของธุรกิจตลาดทุน (บมจ.ทุนภัทร บล.ภัทร บล.เคเคเทรด บลจ.ภัทร) นายกฤติยา วีรบุรุษ ประธานธุรกิจตลาดทุน (Mr.Krittiya Veeraburus, Chairman of the Capital Market Business) เปิดเผยว่า “ทางกลุ่มได้ให้บริการครบทุกมิติ เริ่มตั้งแต่การให้บริการในตลาดแรก (Primary Market) ผ่านบริการ Investment Banking ต่อมาด้วยบริการลงทุนในตลาดรอง (Secondary Market) ที่จะให้บริการกับลูกค้าสถาบัน และลูกค้าบุคคล ซึ่งในปัจจุบัน ลูกค้าบุคคลครอบคลุมกลุ่ม Private Wealth และจะมีการแนะนำการให้บริการด้านการวางแผนการลงทุนส่วนบุคคล ภายใต้ชื่อ Phatra Edge (เงินลงทุนตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป) ในงาน SET in The City ที่บูธธนาคารเกียรตินาคิน ระหว่างวันที่ 21 - 24 พฤศจิกายน 2556 นี้ นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจตลาดทุนยังให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายใต้ บล.เคเคเทรด และธุรกิจจัดการกองทุนภายใต้ บลจ.ภัทร อีกด้วย”
การดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ขยายสินเชื่ออย่างต่อเนื่องทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยภาพรวมของผลการดำเนินงาน 9 เดือนที่ผ่านมา (สิ้นสุด 30 กันยายน 2556) มีกำไรสุทธิรวม 3,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 246,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากสิ้นปีก่อน ในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สินเชื่อมีการขยายตัวต่อเนื่อง มียอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 186,819 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Spread) อยู่ที่ 4.0% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 3.5% โดยมีอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 109.7% สำหรับหนี้สินรวม (เงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ) มีจำนวน 212,382 ล้านบาท