ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. น้ำตาลขอนแก่น” เป็น “A” จาก “A-”และคงแนวโน้ม “Stable”

พุธ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๐๑๓ ๑๗:๒๕
ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A” จากเดิมที่ระดับ “A-” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” สืบเนื่องจากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของประเทศไทย ตลอดจนการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำตาล ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงความเสี่ยงทั้งในด้านกฎระเบียบและการดำเนินธุรกิจอ้อยและน้ำตาลในประเทศลาวและกัมพูชา รวมทั้งความผันผวนของราคาน้ำตาลและปริมาณผลผลิตอ้อยด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า

กลุ่มน้ำตาลขอนแก่นจะยังคงดำรงสถานะการเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของไทยเอาไว้ได้ โดยระบบแบ่งปันผลประโยชน์ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลและการเติบโตของธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้าจะช่วยรองรับการดำเนินงานในช่วงวงจรขาลงของธุรกิจน้ำตาลได้

บริษัทน้ำตาลขอนแก่นก่อตั้งในปี 2488 โดยตระกูลชินธรรมมิตร์และคณะ ปัจจุบันตระกูลชินธรรมมิตร์ถือหุ้นในบริษัทรวม 70.0% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 5 แห่งในประเทศไทย โดยมีกำลังการหีบอ้อยรวม 92,000 ตันอ้อยต่อวัน กลุ่มน้ำตาลขอนแก่นสามารถหีบอ้อยได้ 7.7 ล้านตันอ้อยในปีการผลิต 2555/2556 และผลิตน้ำตาลได้ 738,952 ตัน ซึ่งจัดเป็นกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 7.4% ในปีการผลิต 2555/2556 รองจากกลุ่มมิตรผลซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาด 19.9% กลุ่มไทยรุ่งเรือง 16.3% และกลุ่มไทยเอกลักษณ์ 9.3%

ตั้งแต่ปี 2549 บริษัทได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำตาลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อยอันประกอบด้วยธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าและเอทานอล โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รายได้จากธุรกิจพลังงาน (ไฟฟ้าและเอทานอล) คิดเป็นสัดส่วนโดยเฉลี่ย 10% ของรายได้รวม ในขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจพลังงานคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของ EBITDA รวมของบริษัท ปัจจุบันธุรกิจน้ำตาลในประเทศลาวและกัมพูชามีสัดส่วนไม่มากเมื่อเทียบกับธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทย โดยผลผลิตน้ำตาลในทั้ง 2 ประเทศในปีการผลิต 2555/2556 มีเพียง 35,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 5% ของผลผลิตน้ำตาลในประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานของโรงงานของบริษัทในทั้ง 2 ประเทศ นี้จะถึงจุดคุ้มทุนในปีการผลิต 2556/2557

จากพื้นที่ปลูกและปริมาณอ้อยที่มีจำกัดในเขตพื้นที่โรงงานน้ำตาลเดิม บริษัทได้สร้างศูนย์การผลิตแห่งใหม่ในอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้เงินลงทุน 7,250 ล้านบาท หลังจากศูนย์การผลิตน้ำตาลและเอทานอลสร้างเสร็จในเดือนตุลาคม 2555 ทำให้กำลังการหีบอ้อยของกลุ่มเพิ่มขึ้น 43.8% จาก 64,000 ตันต่อวันเป็น 92,000 ตันต่อวัน ส่วนแบ่งการผลิตของบริษัทก็เพิ่มขึ้นจาก 6.4% ในปีการผลิต 2553/2554 เป็น 7.4% ในปีการผลิต 2555/2556 และกำลังการผลิตเอทานอลรวมก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว คือจาก 150,000 ลิตรต่อวันเป็น 350,000 ลิตรต่อวัน

แม้ว่าราคาน้ำตาลลดลง แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปีการเงิน 2555-2556 ก็ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 35% เป็น 22,212 ล้านบาทในปีการเงิน 2555 จาก 16,460 ล้านบาทในปีการเงิน 2554 เนื่องจากศูนย์การผลิตแห่งใหม่ในจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดเลยเริ่มเปิดดำเนินการ EBITDA ในปีการเงิน 2555 สูงขึ้นเป็น 4,580 ล้านบาทจาก 3,891 ล้านบาทในปี 2554 EBITDA จากธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 1,000 ล้านบาทในปี 2555 โดยปริมาณขายเอทานอลเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในศูนย์การผลิตที่บ่อพลอยและความต้องการใช้เอทานอลที่เพิ่มขึ้นหลังจากมีการยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทค่อนข้างคงที่ โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 50%-55% ในแต่ละปีการเงินซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ตุลาคม ส่วนในระหว่างปี 2557 ถึง 2559 บริษัทมีแผนลงทุนในโครงการต่าง ๆ ประมาณ 2,000 ล้านบาท ถึง 3,000 ล้านบาทต่อปี เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์ EBITDA ประมาณ 3,000 ล้านบาท ถึง 4,000 ล้านบาทต่อปี คาดว่าบริษัทยังคงสามารถรักษาระดับเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ระดับนี้ต่อไปได้

ปริมาณผลผลิตอ้อยและราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ในปีการผลิต 2555/2556 ปริมาณผลผลิตอ้อยของไทยมีจำนวน 100 ล้านตันอ้อย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 98 ล้านตันในปีการผลิต 2554/2555 ส่วนราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกซึ่งหลังจากเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับสูงสุดที่ 36.11 เซนต์/ปอนด์ในเดือนมกราคม 2554 แล้วก็ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 18-19 เซนต์/ปอนด์ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2556 เป็นต้นมาเนื่องจากปริมาณผลผลิตน้ำตาลในประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น

บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL)

อันดับเครดิตองค์กร: A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

KSL14DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A

KSL15DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑:๕๙ บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) จัดงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ครั้งที่ 53
๑๑:๒๗ TSE ติดปีก! เตรียมรับทรัพย์ขายหุ้นบ.ร่วมค้า TSR 60% มูลค่า 1.79 พันลบ. ผถห.ไฟเขียวเพิ่มทุนขาย PP 211.77
๑๑:๓๒ สงกรานต์นี้ ร่วมฉลองไปกับ One Bangkok, One Lagoon Splashing Songkran Rhythms ที่สุดของความสนุก สดชื่น
๑๑:๓๕ Xbox เตรียมจัดงาน Xbox Games Showcase พร้อมเผยอัปเดตล่าสุดจาก The Outer Worlds 2
๑๑:๐๐ '137 ดีกรี(R)' เอาใจคนรักสุขภาพเปิดตัว นมอัลมอนด์โปรตีนสูง 11 กรัม พร้อมดึง 'ชมพู่ อารยา' เป็นพรีเซนเตอร์ปีที่สอง
๑๐:๑๕ ผถห.TFG อนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.225 บ./หุ้น รับทรัพย์ 24 เม.ย.นี้ ปักธงรายได้ปี 68 เติบโต 10-15%
๑๐:๕๙ รพ.จุฬาฯ ปลื้ม ยอดใช้งานแอป CheckPD ทะลุ 50% ชูวาระวันพาร์กินสันโลก ย้ำให้ผู้คนตระหนักรู้จักโรคพาร์กินสัน
๑๐:๐๗ ภูเขาฟ่านจิ้งซาน: สวรรค์บนยอดเขาที่นักเดินทางห้ามพลาด
๑๐:๐๐ เสริมเกราะป้องกันภัยในครอบครัว มูลนิธิศุภนิมิตฯ เปิดพื้นที่กระชับสัมพันธ์พ่อแม่-ลูก ผ่านหลักสูตรครอบครัวสุขสันต์
๑๐:๔๗ จุดเปลี่ยนนโยบายภาษีสหรัฐฯ: ภาษีทรัมป์ เขย่าโลก จับทิศทางการค้าและการปรับตัวของคริปโตในไทย