รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยก็มีศักยภาพด้านการผลิตก๊าซชีวภาพทั้งภาคปศุสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชน ที่มีมากถึง 1,170 ล้านลบ.ม.ต่อปี โดยสามารถนำมาผลิตเป็นก๊าซ CBG ได้ถึง 600 ล้านกิโลกรัม ซึ่งมีราคาต้นทุนอยู่ที่ 12 บาท ต่อกิโลกรัม และสามารถนำไปทดแทนก๊าซหุงต้ม (LPG) ได้ถึง 600 ล้านกิโลกรัมต่อปี คิดเป็นมูลค่าถึง 10,878 ล้านบาทต่อปี (คิดที่ราคา LPG 18.13 บาทต่อกิโลกรัม)
ดังนั้นเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลทั้งด้านพลังงานทดแทนและดูแลสิ่งแวดล้อม ทาง มช. จึงได้จัดทำโครงการ “โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงานเพื่อทดแทนก๊าซปิโตรเลียมเหลวในเชิงพาณิชย์” เพื่อศึกษาระบบผลิตก๊าซชีวภาพอัดสำหรับทดแทนก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 33,542,300 ล้านบาท เพื่อสร้างต้นแบบศูนย์สาธิตระบบผลิตและบรรจุก๊าซชีวภาพอัดสำหรับนำไปใช้ทดแทนก๊าซหุงต้มในครัวเรือนและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม
จากผลการทดสอบระบบเบื้องต้นพบว่าก๊าซชีวภาพอัดมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ ก๊าซ LPG สามารถใช้ทดแทนกันได้ ซึ่งทางมช.ได้ทำการออกแบบถังบรรจุก๊าซชีวภาพอัด ให้เหมาะสมกับการใช้งานและมีความปลอดภัย โดยในวันที่ 30 ก.ย.2556 — 30 มี.ค.2557 ทาง มช. จะดำเนินการทดสอบใช้งานจริงในครัวเรือนหรือชุมชนต้นแบบจำนวนไม่น้อยกว่า 100 ครัวเรือน เพื่อประเมินผลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ ประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้บริโภคอื่นๆ ที่สนใจ เพื่อนำปรับพัฒนาและประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ต่อไป
นายชาญวิทย์ เวชชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท รวมพรมิตรฟาร์ม จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกจาก มช. ให้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อนำมูลไก่ไปผลิตเป็น ก๊าซชีวภาพ ซึ่งปัจจุบันได้นำก๊าซชีวภาพไปผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าใช้ภายในฟาร์มได้ประมาณ 25,200 กิโลวัตต์/เดือน คิดเป็นมูลค่า 100,800 บาท และแจกจ่ายให้ชุมชนใกล้เคียงใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนก๊าซหุงต้ม (LPG) จำนวน 82 ครัวเรือน
“ปัจจุบันบริษัทฯ มีปริมาณมูลไก่ประมาณ 15 ตันต่อวัน สามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้วันละ 600 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งการเข้าร่วมโครงการฯ ดังกล่าวทำให้บริษัทฯ สามารถนำก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้มาใช้เป็นพลังงานทดแทนช่วยลดค่าใช้จ่ายและยังสามารถช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและกลิ่นเหม็นจากมูลไก่ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี” นายชาญวิทย์ กล่าว