ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท “บ. ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง” ที่ระดับ “AA+/Stable”

จันทร์ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๐๑๓ ๑๓:๔๕
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของ บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัดที่ระดับ “AA+” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังยืนยันอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทที่ระดับ “AA+” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” หุ้นกู้ของบริษัทได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัทแม่คือ ORIX Corporation (ORIX) ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A-” จาก Standard & Poor’s และ “Baa2” จาก Moody’s Investor Services (Moody’s) ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือของ ORIX ซึ่งค้ำประกันหุ้นกู้แบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้

ตามเงื่อนไขข้อตกลงการค้ำประกันซึ่งบังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันเต็มจำนวนโดยไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้สำหรับหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว โดยผู้ค้ำประกันพร้อมที่จะชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันในกรณีที่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ หากมีการควบรวมหรือการครอบงำกิจการของ ORIX บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการหรือบริษัทที่เข้าครอบงำกิจการของ ORIX จะต้องรับภาระผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วยและในกรณีที่ ORIX ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน ณ ศาลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระคืนได้ โดยที่ภาระการค้ำประกันนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนโดยปราศจากมติเอกฉันท์จากผู้ถือหุ้นกู้

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งสะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ ORIX ซึ่งได้รับอันดับเครดิตที่ระดับ “A-“ ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Standard & Poor’s และ “Baa2” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Moody’s

อันดับเครดิตของ ORIX ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ได้รับแรงหนุนจากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยจุดแข็งของ ORIX คือการกระจายตัวของธุรกิจและแหล่งเงินทุน ORIX ก่อตั้งในปี 2507 โดยความร่วมมือของสถาบันการเงิน 5 แห่งและบริษัทธุรกิจการค้าอีก 3 แห่ง บริษัทเป็นต้นแบบในการบุกเบิกอุตสาหกรรมลีสซิ่งในประเทศญี่ปุ่น กว่า 50 ปีของการดำเนินงาน ORIX ได้ขยายขอบเขตความหลากหลายของธุรกิจ จนกระทั่งปัจจุบันมีการให้บริการทางการเงินที่กว้างขวางนอกเหนือจากการให้บริการลีสซิ่ง โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 สินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัทจำนวน 8.4 ล้านล้านเยนประกอบไปด้วย สินเชื่อผ่อนชำระ 2.3 ล้านล้านเยน ซึ่งคิดเป็น 27.5% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ตามด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าดำเนินงานจำนวน 1.4 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 17.0% เงินลงทุนในหลักทรัพย์ 1.1 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 13.0% และเงินลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าทางการเงินจำนวน 1.0 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 12.1%

ธุรกิจของ ORIX ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ (Corporate Financial Services) ธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าบำรุง (Maintenance Leasing) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) ธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงาน (Investment and Operations) ธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อย (Retail) และธุรกิจต่างประเทศ (Overseas Business) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 สินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยคิดเป็น 30.5% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจ ตามด้วยกลุ่มธุรกิจต่างประเทศที่ 24.9% และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 15.5% สัดส่วนของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากจาก 20.7% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 (เมษายน 2555-มีนาคม 2556) สินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจของ ORIX ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 6.4 ล้านล้านเยนในรอบปีบัญชี 2553 (เมษายน 2552-มีนาคม 2553) เหลือ 6.1 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2555 (เมษายน 2554-มีนาคม 2555) การลดลงของสินทรัพย์สะท้อนถึงความตั้งใจของ ORIX ที่จะลดขนาดสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวสูงต่อการเปลี่ยนแปลงด้านลบของเศรษฐกิจ สัดส่วนสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงจาก 26.6% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจในรอบปีบัญชี 2553 เป็น 15.5% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 แม้ว่าสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะลดลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่กำไรในกลุ่มธุรกิจนี้ก็ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ORIX พยายามที่จะพัฒนาความสามารถในการทำกำไรจากกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง สำหรับครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2557 นี้ กลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยและกลุ่มธุรกิจต่างประเทศซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ 2 ลำดับแรกของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจได้สร้างผลกำไรในสัดส่วนที่สูงสุดใน 2 ลำดับแรกของกำไรรวมตามกลุ่มธุรกิจ คือ 22.6% ของกำไรรวมตามกลุ่มธุรกิจที่ 125.5 พันล้านเยนสำหรับกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อย และ 27.2% สำหรับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ การเพิ่มของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยและกลุ่มธุรกิจต่างประเทศสามารถชดเชยการลดลงของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้สินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็น 6.4 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 และ 6.7 ล้านล้านเยน ณ สิ้นเดือนกันยนยน 2556

การกระจายความหลากหลายของธุรกิจช่วยให้ ORIX สามารถหลีกเลี่ยงการมีผลประกอบการขาดทุนได้แม้ในช่วงวิกฤตทางการเงินในปี 2551 โดยในรอบปีบัญชี 2552 แม้ว่าผลประกอบการทางการเงินจะลดลงอย่างมาก แต่ ORIX ก็ยังคงมีกำไร โดยมีกำไรสุทธิที่ 20.7 พันล้านเยน ลดลงจาก 168.5 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2551 กำไรสุทธิของบริษัทฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจาก 36.5 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2553 เป็น 111.9 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2556 ในครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2557 ORIX มีกำไรสุทธิ 80.4 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 34.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของรอบปีบัญชี 2556 ORIX ดำรงนโยบายด้านสภาพคล่องที่เข้มงวดโดยการรักษาเงินสดและวงเงินกู้แบบผูกพันการให้กู้ที่สามารถใช้ได้อย่างเพียงพอต่อการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้ โดยอัตราส่วนเงินสดและวงเงินกู้ต่อหนี้สินระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้อยู่ที่ระดับ 314% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 เพิ่มขึ้นจาก 295% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556

แนวโน้มที่ดีในอุตสาหกรรมลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานในประเทศไทยทำให้ ORIX มุ่งเน้นขยายธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้นโดยผ่านบริษัทลูกคือบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศไทย บริษัทก่อตั้งในปี 2521 โดยความร่วมมือระหว่าง ORIX บรรษัท เงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จากัด (มหาชน) ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลายครั้งเนื่องจากการควบรวมและการเข้าครอบงำกิจการของผู้ถือหุ้นฝ่ายไทย ในปี 2553 ORIX ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในประเทศไทยโดยการควบรวมบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งและบริษัทที่ให้บริการเช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานคือ บริษัท โอริกซ์ ออโต้ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และเปลี่ยนเป็นนิติบุคคลที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่ แต่ยังคงใช้ชื่อบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นชื่อของนิติบุคคลใหม่นั้น ปัจจุบัน ORIX ถือหุ้น 96.6% ในบริษัท ส่วนหุ้นที่เหลือ 3.4% ถือโดยบริษัทกรุงเทพประกันภัย

ธุรกิจหลักที่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งให้บริการประกอบด้วยธุรกิจสินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และธุรกิจการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงาน จากข้อมูลที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบบัญชี ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งมีสินทรัพย์ดำเนินงานซึ่งประกอบไปด้วยสินเชื่อหรือลูกหนี้จากธุรกิจลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิจากธุรกิจการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานจำนวน 14,755 ล้านบาท โดยสินทรัพย์จากธุรกิจลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์คิดเป็นประมาณ 62% ของสินทรัพย์ดำเนินงานรวม สินทรัพย์ดำเนินงานเพิ่มขึ้น 10.1% สำหรับครึ่งแรกของรอบปีบัญชี 2557 หลังจากที่เพิ่มขึ้นมากในรอบปีบัญชี 2556 โดยเพิ่มขึ้น 39.4% จากรอบปีบัญชี 2555 บริษัทมีกำไรสุทธิ 487 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2556 เพิ่มขึ้นจาก 234 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2555 คุณภาพสินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ORIX ได้แสดงความตั้งใจในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งทั้งในด้านธุรกิจและด้านการเงิน ซึ่งรวมทั้งการให้ความรู้ในด้านธุรกิจ แนวปฏิบัติในการบริหารจัดการความเสี่ยงและการดำเนินงาน รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งนี้ การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต

บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด (TOLC)

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TOLC14NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 AA+

TOLC154A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 AA+

TOLC16NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA+

หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2560 AA+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๑๗:๑๖ กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๑๗:๕๕ Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๑๗:๔๗ โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๑๗:๑๒ ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๑๗:๐๐ กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๑๖:๐๐ WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๑๖:๐๔ เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๑๖:๔๗ ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๑๖:๐๒ NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ