คุณรัฐชัย ภิชยภูมิ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท พีเออี(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PAE ผู้ให้บริการงานออกแบบวิศวกรรมครบวงจรในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมีรวมถึงงานระบบไฟฟ้าโรงงาน และงานระบบทดสอบแบบไม่ทำลาย เปิดเผยว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2556 จะดีกว่าไตรมาส 3/2556 เนื่องจากบริษัทมีมูลค่างานในมืองานที่รอรับรู้รายได้(Backlog) ประมาณ 1,600 ล้านบาท และจะมีการรับรู้รายได้มากขึ้นในช่วงไตรมาสนี้
ขณะเดียวกันบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการต่อสัญญากับบริษัท เชฟรอน ประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ระยะเวลา 3 ปี ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ดำเนินการออกแบบก่อสร้างงานเหล็กและท่อ การจัดหาบุคคลากร วัสดุอุปกรณ์ และการติดตั้ง ในฐานแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทดังกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2556 บริษัทขาดทุนจำนวน 233.42 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนจำนวน 250.47 ล้านบาท หรือลดลง 15.45 ล้านบาทคิดเป็น 6.19% โดยปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงขาดทุน เนื่องจากบริษัทมีการตั้งสำรองจากโครงการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งมอบงานและคาดว่าจะสามารถส่งมอบงานได้ภายในปีนี้
“โครงการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ได้ก่อสร้างแล้วเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถส่งมอบงานได้และโครงการดังกล่าวเป็นโครงการใหญ่ทำให้ต้องตั้งสำรองสูง ประกอบกับรายได้จากโครงการด้าน Oil and Gas ที่มีอัตราการทำกำไรดีกว่า(Net Profit Margin) อยู่ในช่วงเริ่มต้นของงาน ทำให้รายได้จากโครงการใหม่ไม่สามารถชดเชยกับโครงการเดิมได้ อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่าไตรมาส 4/2556 จะรับรู้รายได้จากงานOil and Gasเพิ่มมากขึ้น” นายรัฐชัย กล่าว
ด้านการเข้าประมูลงานใหม่ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรอผลการประมูลโครงการใหญ่ มูลค่างานมากกว่า 2,500ล้านบาท และบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาการให้เช่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่(Mobile Generator)มูลค่าประมาณ170ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าในปลายปีนี้บริษัทจะได้งานเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับแผนระยะยาว (2557-2559) ผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และสัดส่วนโครงสร้างรายได้รวมของบริษัทจะเปลี่ยนแปลง โดยรายได้ประมาณ 80% มาจากการให้บริการครบวงจร(EPC) ที่มีทั้งการออกแบบ วางแผน ก่อสร้างวัสดุตลอดจนการให้บริการต่างๆแก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปิโตรเคมี พลังงาน และอีก 20% จะมาจากการเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินโครงการ และการให้เช่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่(Mobile Generator)
“จากนโยบายการเปลี่ยนธุรกิจมาเป็น Oil and Gas และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และค่าเช่าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างภายในองค์กร ที่เน้นด้านระบบควบคุมทางบัญชีและการเงิน ที่ขณะนี้เหลือเพียงระบบเช็คสินค้าคงเหลือ และระบบบันทึกสินทรัพย์ถาวร ที่ภายในสิ้นปีนี้จะเรียบร้อยและเปิดดำเนินการได้ทั้งระบบในต้นปี 2557 จะเป็นส่วนผลักดันให้ผลการดำเนินงานปีหน้าของบริษัทเติบโตอย่างแน่นอน”นายรัฐชัย กล่าว