บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกองทุน ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ส่งผลให้ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) สามารถขยายช่องทางขายหน่วยลงทุนให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกสิกรไทยซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ที่มีลูกค้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ การทำหน้าที่ผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนของธนาคารในครั้งนี้จะเสนอขายต่อลูกค้ากลุ่ม High New Worth ผ่านทีมงาน KBank Private Banking
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.แมนูไลฟ์ กล่าวว่า “เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ไว้วางใจกองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ.แมนูไลฟ์ โดยเราได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 2 บลจ. ที่ทางทีม Private Banking ของธนาคารได้พิจารณากองทุนของเราเข้าเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่จะนำเสนอให้แก่ลูกค้ากลุ่ม High Net Worth เพื่อเป็นทางเลือกในการกระจายการลงทุนให้แก่กลุ่มลูกค้าดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่า ปัจจัยสนับสนุนให้เราได้รับเลือกมาจาก การบริหารจัดการกองทุนของ บลจ.แมนูไลฟ์ ที่มีลักษณะเฉพาะ มีการเลือกสรรและกำหนดนโยบายการลงทุนที่แตกต่าง และสามารถผลตอบแทนที่น่าพอใจกับนักลงทุน นอกจากนี้ บลจ.แมนูไลฟ์ ยังเป็นหนึ่งใน บลจ. ไม่กี่แห่งในประเทศไทย ที่มีความพร้อมทางด้านทีมงานการลงทุนในระดับสากล เนื่องจากเราเป็นบริษัทในเครือของกลุ่ม Manulife Financial ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินชั้นนำจากประเทศแคนาดา โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั้งทางด้าน ตราสารทุน ตราสารหนี้ และการจัดสรรสินทรัพย์ (asset allocation) มากกว่า 300 คนทั่วโลก ในประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และแถบภูมิภาคเอเชียที่มีสำนักงานมากถึง 10 แห่ง (รวมถึงประเทศไทย)”
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “ธนาคารกสิกรไทยได้คัดเลือกสอง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำในประเทศ ที่มีศักยภาพ พร้อมด้วยเครือข่ายธุรกิจระดับสากล ซึ่ง บลจ. แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งในสอง บลจ.ที่เราเล็งเห็นถึงศักยภาพที่จะสร้างความเชื่อมั่น และไว้วางใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายประเภท มีผลประกอบการดี และมีกระบวนการบริหารจัดการที่มีความน่าเชื่อถือ จึงเป็นโอกาสดี ที่ธนาคารกสิกรไทย จะได้เพิ่มทางเลือกในการลงทุนที่ครบวงจรให้กับลูกค้า KBank Private Banking ได้”
นายต่อกล่าวเพิ่มเติมว่า “การที่เรามีเครือข่ายทางด้านการลงทุนทั่วโลกทำให้เรามีความได้เปรียบทางด้านข้อมูล โดยเราได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทีมงานระดับโลกของ Manulife Asset Management ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล ที่สำคัญหรือมุมมองการลงทุนระหว่างทีมงานในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการได้รับข้อมูลข่าวสารอัพเดทที่ทันต่อสถานการณ์ ทำให้เราสามารถส่งผ่านข้อมูลไปยังผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าได้ทันท่วงทีโดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศซึ่งเป็นตลาดที่ไกลตัวมากขึ้น ผู้ลงทุนยิ่งต้องการข้อมูลอย่างรวดเร็วหากเกิดสถานการณ์ใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหรือภาวะการลงทุน ซึ่งเราให้ความสำคัญตรงจุดนี้ และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นจุดแข็งของ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย)
ทั้งนี้ การลงทุนในต่างประเทศนับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับต่ำหรือตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่นักลงทุนจะต้องมองหาความได้เปรียบจากทุกโอกาสของการลงทุนเพื่อโอกาสในการได้รับส่วนเพิ่มของผลตอบแทนที่ปรับด้วยค่าความเสี่ยง (risk-adjusted returns) ซึ่งการกระจายการลงทุนในตลาดต่างประเทศนั้นมีโอกาสที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนโดยรวมที่ดีกว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพียงตลาดเดียว รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงด้านตลาด (market-specific risk) อีกด้วย”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.แมนูไลฟ์ ยังกล่าวด้วยว่า ความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการขยายช่องทางจำหน่ายให้เข้าถึงนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นแล้ว ยังนับเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับ การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนมากยิ่งขึ้นด้วย