นายฟิลิป แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า?การทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการเติบโตในปี 2556 เทียบกับปี 2555 ธนาคารมียอดการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 26% หรือกว่า 250,000 ล้านบาทต่อปี และมีปริมาณการทำธุรกรรมกว่า 17.4 ล้านรายการต่อไตรมาส เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 6 ล้านรายการต่อเดือน โดยกรุงศรีโมบาย แอพพลิเคชั่น มียอดผู้ใช้บริการจำนวน 550,000 ราย เติบโตขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2556 ธนาคารจึงได้วางแผนที่จะขยายบริการนี้ให้ลูกค้าใหม่ๆ ได้มีประสบการณ์ตรงกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ที่มีบริการครบครัน รองรับทุกธุรกรรมทางการเงิน และยังคงระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด เรามั่นใจว่าเมื่อลูกค้าได้ลองใช้บริการกรุงศรี โมบาย แอพพลิเคชั่น พฤติกรรมการทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าจะเปลี่ยนไป?
?จำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงความพึงพอใจที่ลูกค้ามีต่อบริการช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว โดยเฉพาะการทำธุรกรรมผ่านทางสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต พบว่าลูกค้านิยมทำรายการผ่านกรุงศรี โมบาย แอพพลิเคชั่น ในการโอนเงิน และจ่ายบิล การแลกคะแนนของบัตรเครดิต และการซื้อขายกองทุน มากที่สุด เฉพาะในเดือนพฤศจิกายน ยอดการซื้อขายกองทุนผ่านโมบาย โตขึ้นถึง 3 เท่า และเป็นยอดที่โตเพิ่มขึ้นจากช่องอื่นๆ? นายฟิลิป กล่าว
นายฟิลิป กล่าวว่า ?สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ถือเป็นช่องทางสำคัญที่กรุงศรีจะนำมาใช้ในการติดต่อกับลูกค้า เนื่องจากปัจจุบันความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีก้าวล้ำไปมาก คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ง่ายขึ้นทั้งผ่านทางคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน ขณะที่ในประเทศไทยพบว่าผู้ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต มีจำนวนมากกว่า 30 ล้านราย อีกทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันที่จะช่วยให้การดำเนินชีวิตง่ายขึ้น และรวดเร็วขึ้น นอกจากนั้นการที่กรุงศรีเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภครายใหญ่ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต จึงเป็นช่องทางในการเข้าถึง ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของลูกค้า เพื่อให้บริการที่ดีที่สุดกับลูกค้าของเรา?
?กรุงศรีได้วางกลยุทธ์ไว้ 3 แนวทาง ในการขยายฐานลูกค้า กรุงศรี โมบาย แอพพลิเคชั่น ให้ครอบคลุมและกว้างขวางขึ้น โดยแนวทางแรกจะเป็นการสนับสนุนให้มีการลองใช้แอพพลิเคชั่น ทั้งกับลูกค้าใหม่ และลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงการรุกเข้าหากลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย และลูกค้าที่ใช้บริการ pay roll ของธนาคาร เพราะกลุ่มเหล่านี้ถือว่าเป็นลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของกรุงศรีอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นหากลูกค้าได้ทดลองใช้กรุงศรี โมบาย แอพพลิเคชั่น จะเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ตรงในการทำธุรกรรมผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งจะสัมผัสได้ถึงความสะดวก การใช้งานที่ง่าย และปลอดภัย
แนวทางที่สองคือการพัฒนา และคิดค้นนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ที่จะทำให้ชีวิตของลูกค้าง่ายขึ้น รวมถึงการรวมผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของธุรกิจในเครือมาไว้ใน กรุงศรี โมบาย แอพพลิเคชั่น ทั้งบริการด้านสินเชื่อบุคคล สินเชื่อรถยนต์ หรือบัตรเครดิต เป็นต้น และแนวทางสุดท้ายคือการสร้างความมั่นใจในระบบความปลอดภัยของธนาคาร เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าช่องทางออนไลน์ของเรามีความปลอดภัยอย่างสูงสุด ขณะเดียวกันก็ต้องง่ายแก่การใช้งานด้วย? นายฟิลิป กล่าว
สำหรับจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรุงศรีในไตรมาส 3 เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 โดย SMS Banking มีลูกค้าใช้บริการจำนวน 1.6 ล้านราย (เติบโตขึ้น 12%) กรุงศรีออนไลน์ (KOL) จำนวน 750,000 ราย (เติบโตขึ้น 20%) กรุงศรี โมบาย แอพพลิเคชั่น (KMA) จำนวน 550,000 ราย (เติบโตขึ้น 40%) เว็บไซต์ krungsri.com มีจำนวนผู้เข้าชม 15 ล้านราย (เติบโตขึ้น 40%) และกลุ่ม โซเชียล เน็ตเวิร์คส์ (Facebook, Twitter) จำนวน 700,000 ราย (เติบโตขึ้น 22%)
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด Krungsri Mobile Application ได้ที่ App store สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS และ Google play สำหรับผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android