ครบรอบ 10 ปี โครงการจีแพปประเทศไทย สานต่อความหวังผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ศุกร์ ๐๖ ธันวาคม ๒๐๑๓ ๑๗:๑๐
บริษัท โนวาร์ตีส ผู้ก่อตั้งโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยนานาชาติจีแพปTM (GIPAPTM) โครงการแรกที่ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวขนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ (CML) ที่มีผลโครโมโซม ฟิลาเดลเฟียเป็นบวก (Ph+) และผู้ป่วยมะเร็งทางเดินอาหารชนิดจีสต์ (GIST) ซึ่งจะมอบยาให้แก่ผู้ป่วย ที่มีปัญหาทางด้านการเงินโดยไม่คิดมูลค่า ขณะนี้มีผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการมากกว่า 50,000 ราย ใน 81 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทยได้ดำเนินโครงการจีแพปTM (GIPAPTM) ในปีนี้เป็นปีที่ 10 แล้วปัจจุบันได้ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยในประเทศไทยไปแล้วกว่า 3,500 ราย และยังคงมีผู้ป่วยที่ยังได้รับยาอยู่กว่า 1,800 ราย และยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการเพื่อสานต่อความหวังผู้ป่วยต่อไป

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แสงสุรีย์ จูฑา นายกสมาคมโลหิตวิทยานานาชาติ ประธานชมรมแพทย์ผู้สนใจทางมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ อดีตนายกสมาคมโลหิตวิทยา แห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์เกิดจากความผิดปกติในการสลับที่ของโครโมโซมคู่ที่ 22 และคู่ที่ 9 ซึ่งเรียกว่า ฟิลาเดลเฟีย โครโมโซม ทำหน้าที่สร้างโปรตีนชื่อ BCR-ABL กระตุ้น ไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดขาวมากกว่าปกติ ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่ก่อให้เกิดความผิดปกตินี้ พบเพียงปัจจัยเสี่ยงเท่านั้น คือ สารกัมมันตรังสี โดยผลการศึกษา พบว่า ผู้ที่รอดชีวิตจากการได้รับรังสีนิวเคลียร์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นนั้นมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์สูงกว่าคนปกติ 4-5 เท่า สำหรับอุบัติการณ์ของโรคCMLที่แท้จริงในประเทศไทยนั้นไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่คาดว่า มีผู้ป่วยราว 1-2 รายต่อประชากรแสนคน อายุเฉลี่ยประมาณ 36-45 ปี และพบมากในเพศชายมากกว่าหญิงเล็กน้อย อาการของโรคนี้ เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง น้ำหนักลด อึดอัดแน่นท้อง คลำพบก้อนที่ชายโครงซ้าย บางรายอาจไม่มีอาการเลย แต่ตรวจพบเม็ดเลือดขาวสูงจากการตรวจสุขภาพทั่วไป คือ ในคนปกติเม็ดเลือดขาวมีค่าประมาณ 5,000-10,000 แต่ในคนป่วยโรคซีเอ็มแอลอาจจะสูงถึง 5-8 แสนได้

สำหรับแนวทางการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังมีหลายวิธี การใช้ยารับประทานซึ่งปัจจุบันมีหลายตัว เช่น ยาอิมมาตินิบ ซึ่งถือเป็นยามาตรฐานตัวแรกที่ได้รับการบรรจุอยู่ในแนวทางการรักษาโรคมะเร็ง CML ทั้งของเมืองไทยและนานาชาติ ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยที่รับประทานยาอิมมาตินิบ มีอัตราการรอดชีวิตประมาณ 85% นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดการดื้อยา หรือไม่สามารถทนต่อการรักษาด้วยยาอิมมาตินิบ จะมีการเปลี่ยนการรักษาจากยาอิมมาตินิบ เป็นยานิโลตินิบ ซึ่งมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและเจาะจงกับโรคมากขึ้น และในปัจจุบันยานิโลตินิบได้รับการแนะนำให้ใช้สำหรับการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังเป็นตัวแรกเทียบเท่ากับยาอิมมาตินิบแล้ว สำหรับการปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งมีข้อจำกัดค่อนข้างมากนั้น ปัจจุบันนี้ ไม่ใช่การรักษาเบื้องต้นแล้ว แต่จะใช้เฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยรักษาด้วยการรับประทานยาในกลุ่มข้างต้นแล้วไม่ได้ผลเท่านั้น

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แสงสุรีย์ จูฑา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ด้วยวิวัฒนาการคิดค้นการรักษาที่ต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ป่วยได้ประโยชน์สูงสุดนั้น ทำให้เป้าหมายการรักษาโรค CML เปลี่ยนไป ในอดีตเป้าหมายการรักษาคือ ทำอย่างไรให้ผู้ป่วยCML มีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด ซึ่งปัจจุบันประสบความสำเร็จแล้วด้วยนวัตกรรมยาใหม่ที่กล่าวข้างต้น ผู้ป่วยหลายคนมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 20-30 ปี และเป้าหมายใหม่ของการรักษาโรค CML คือ ทำอย่างไรให้ผู้ป่วย CML มีชีวิตอยู่โดยสามารถหยุดยาได้ หรือที่เรียกว่า ?Treatment Free Remission? (TFR) ซึ่งถือเป็นแนวความคิดใหม่ของการรักษา ที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเฝ้าติดตามผล ซึ่งก็ถือว่า เป็นอีกก้าวใหญ่ก้าวหนึ่งของการพัฒนาการรักษาที่มีความหมายและสร้างความหวังให้กับผู้ป่วย CML และญาติ และนั่นก็หมายรวมถึงแพทย์ที่ทำการรักษาด้วย

ผศ.นพ.วิเชียร ศรีมุนินทร์นิมิต หัวหน้าสาขาวิชามะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า โรคมะเร็งจีสต์ (GIST) เป็นมะเร็งเนื้อเยื่อในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็ก จีสต์จัดเป็นมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อย ในประเทศไทยยังไม่มีสถิติผู้ป่วยที่แน่ชัด อาการของผู้ป่วยมะเร็งจีสต์คือ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน คลำพบก้อนในท้อง อุจจาระมีสีดำ หรือถ่ายเป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด รวมทั้งอาจมีอาการซีดและอ่อนเพลีย

โรคมะเร็งจีสต์ระยะเริ่มแรกที่เนื้องอกยังอยู่เฉพาะที่ สามารถรักษาได้โดยการผ่าตัด ซึ่งผู้ป่วยมีโอกาส ที่จะหายขาดได้ แต่ก็ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่เกิดเนื้องอกขึ้นซ้ำอีก หรือเกิดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งภายหลังการผ่าตัด ในปัจจุบันมีการศึกษาการใช้ยาอิมมาตินิบเป็นการรักษาเสริมให้กับผู้ป่วยภายหลังการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งจีสต์ออกทั้งหมด แต่มีความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้สูง ซึ่งผลการวิจัยล่าสุดพบว่า การรักษาเสริมด้วยยาอิมมาตินิบสามารถลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำของโรค และเพิ่มอัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วย กลุ่มนี้ได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิวัฒนาการในการรักษาโรคมะเร็งจีสต์

ในกรณีของผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือโรคอยู่ในระยะแพร่กระจาย การรักษามาตรฐานคือ การให้ยาอิมมาตินิบ เพื่อควบคุมการเติบโตของเซลล์มะเร็ง จากการศึกษาผู้ป่วยมะเร็งจีสต์ระยะแพร่กระจายที่ได้รับยาอิมมาตินิบ ซึ่งติดตามผู้ป่วยมาเป็นเวลาประมาณ 9 ปี พบว่า ผู้ป่วย 1 ใน 3 ยังคงมีชีวิตอยู่

นายฟรานซิส บูชาร์ด หัวหน้าฝ่ายธุรกิจยามะเร็งประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกาใต้ กล่าวว่า "ที่โนวาร์ตีส เรามุ่งมั่นทีจะนำเสนอการวิจัยตามเป้าหมาย เพื่อเร่งให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงเวชภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและมีประสิทธิผลในการรักษา โดยนอกเหนือจากการให้บริการด้านเวชภัณฑ์แล้ว บริษัท โนวาร์ตีส ยังได้ดำเนินโครงการการเข้าถึงยาที่ได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรม และได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับผู้ป่วยนับพันรายผ่านทางพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเราทั่วทั้งภูมิภาค โดยจัดโครงการให้ความช่วยเหลือและการเข้าถึง การรักษาสำหรับผู้ป่วย โดยในปี 2555 บริษัท โนวาร์ตีส ยังคงสานต่อในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยผ่านโครงการที่มีมูลค่าประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเข้าถึงผู้ป่วยทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านราย ซึ่งสามารถเข้าถึงยาผ่านโครงการต่างๆ มากมาย"

บริษัท โนวาร์ตีส ได้เปิดตัวโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยนานาชาติจีแพปTM (GIPAPTM) ครั้งแรกในปี 2545 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการระดับโลกที่ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งให้เข้าถึงการรักษาได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยโครงการดังกล่าวได้มอบยารักษาโรคมะเร็ง โดยไม่คิดมูลค่าให้แก่ผู้ป่วยไปแล้วกว่า 50,000 ราย ใน 81 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทย บริษัท โนวาร์ตีส ยังคงดำเนินโครงการเรื่อยมาเป็นเวลา 10 ปีแล้วนับตั้งแต่เปิดตัวโครงการเมื่อปี 2546 โดยมีผู้ป่วยที่ได้รับยาอิมมาทินิบโดยไม่คิดมูลค่าไปแล้วกว่า 3,500 ราย และยังคงมีผู้ป่วยที่ยังได้รับยาอยู่1,800 ราย ในปัจจุบันโครงการจีแพปมีโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ 61 แห่ง และมีแพทย์ที่เข้าร่วมโครงการ 163 ท่านทั่วประเทศ

นายริชาร์ด อาเบลา ประธานบริหาร บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "บริษัท โนวาร์ตีส ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยรวมถึงการเข้าถึงยาของผู้ป่วยเป็นอันดับแรก ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงได้จัดโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยนานาชาติจีแพปTM (GIPAPTM) ขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี 2546 เป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันที่เริ่มเปิดตัวโครงการ โดยโครงการจีแพปTM(GIPAPTM) ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องแก่ผู้ป่วย ชาวไทย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญเหนืออื่นใดคือได้มอบความหวังให้แก่พวกเขา?

นอกเหนือจากโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยนานาชาติจีแพปTM (GIPAPTM) แล้ว บริษัท โนวาร์ตีส ยังมีโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยนานาชาติทีแพปTM (TIPAPTM) ซึ่งเป็นโครงการเข้าถึงยาของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง ชนิดมัยอีลอยด์ที่มีฟิลาเดลเฟียโครโมโซมเป็นบวก (Ph+ CML) ที่ไม่ตอบสนอง หรือไม่สามารถทนต่อการรักษาด้วยยาอิมมาตินิบ (Imatinib) และมีปัญหาทางการเงิน โดยโครงการนี้ได้ถูกจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2551 และได้ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยไปแล้วกว่า 260 รายจนถึงปัจจุบัน

"การส่งเสริมให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาถือเป็นแนวทางสนับสนุนที่สำคัญของบริษัท โนวาร์ตีส โดยทางบริษัทฯ จะยังคงสานต่อโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยทั้งโครงการจีแพปTM (GIPAPTM) และทีแพปTM (TIPAPTM) ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป? นายริชาร์ด อาเบลา กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO