“บลจ.ฟินันซ่า ประเมินว่า จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากระดับ 2.50% ต่อปี สู่ระดับ 2.25% ต่อปี เนื่องจากตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ในไตรมาสที่ 3 ปี 2556 ขยายตัวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก ในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ชะลอตัวลง เอื้อให้ทาง กนง.สามารถผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติมได้หากยังไม่มีสัญญาณที่จะฟื้นตัวเศรษฐกิจในช่วงต่อไป กอปรกับธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มมีความเป็นไปได้สูงที่จะลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) เร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. 2556 เป็นผลให้ดอกเบี้ยระยะยาวจะค่อยทยอยปรับขึ้น"
“ในภาวะดอกเบี้ยระยะสั้นมีความเสี่ยงปรับตัวลงและดอกเบี้ยระยะยาว มีแนวโน้มปรับขึ้น การลงทุนในกองทุนเปิดฟินันซ่า ตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 3 เดือน 4 อัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.90% ต่อปี สูงกว่าดอกเบี้ยนโยบาย จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะลงทุนในระยะเวลาที่สั้นเพื่อรอความชัดเจนของเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศ
บลจ.ฟินันซ่า จึงออกเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 3 เดือน ชื่อ กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 3เดือน4 (FAM FIPR3M4) โดยมีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.90% ต่อปี เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 6 - 16 ธ.ค.56 โดยสินทรัพย์ในกองทุนบางส่วนจะลงทุนเป็นเงินฝากธนาคารต่างประเทศและในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ขึ้นไป (Investment Grade)
สำหรับกองทุนเปิดฟินันซ่า ตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 3 เดือน 4 (FAM FIPR3M4) เป็นกองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากการขายกองทุนก่อนหน้านี้ เป็นกองทุน Specific fund โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินและ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC (Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia), Akbank T.A.S. (Malta) หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง(BBB+), บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), บมจ.อีซี่บาย (BBB+), บจ.บีเอสแอล ลีสซิ่ง(BBB) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB ขึ้นไป, ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น