บลจ. กสิกรไทย เพิ่มทางเลือกแก่นักลงทุน เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศทั้งระยะสั้น-ยาว อายุโครงการ 3 เดือน, 6 เดือน และ 2 ปี พร้อมเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสูงสุด3.40% ต่อปี เปิดขาย 11-16 ธ.ค นี้

จันทร์ ๐๙ ธันวาคม ๒๐๑๓ ๑๕:๒๖
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 – 16 ธันวาคม 2556 บลจ. กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิด เค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2 ปี ดี (KFF2YD) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีอายุโครงการประมาณ 2 ปี เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยผลตอบแทนประมาณการไว้ที่ 3.40% ต่อปี เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่พร้อมลงทุนได้ในระยะที่ยาวขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝากของ China Construction Bank Corporation และ Standard Chartered Bank, สาขาฮ่องกง ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A และจาก S&P ที่ระดับ AA- ตามลำดับ และตราสารหนี้ที่ออกโดย Banco Santander (Brasil) S.A., Banco Bradesco S.A. และ Itau Unibanco S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ BBB, BBB+ และ BBB+ ตามลำดับ โดยกองทุนดังกล่าวจะมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุก 1 ปี พร้อมทั้งมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน

“จากการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.25% ซึ่งสวนทางกับตลาดที่มองว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ และยังได้ปรับลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 3% จากเดิมซึ่งคาดไว้ที่ 3.7% โดยเป็นผลมาจากการที่การส่งออกซึ่งเคยคาดว่าจะขยายตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายและเป็นตัวช่วยพยุงการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย กลับยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยเสี่ยงทางด้านการเมืองในช่วงนี้น่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กดดันอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายนี้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยได้มีการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และแนะนำให้ผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ มีการกระจายความเสี่ยงโดยเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการ ซึ่งยังคงสามารถรักษาระดับผลตอบแทนได้ดีเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศ” นางสาวยุพาวดีกล่าว

นางสาวยุพาวดีกล่าวต่อว่า เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ดีพี (KFI3MDP) โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.95% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอยู (KFF6MAU) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.20% ต่อปี สำหรับกองทุน KFI3MDP ซึ่งมีอายุกองทุนประมาณ 3 เดือน จะเข้าลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation และ Standard Chartered Bank, สาขาฮ่องกง ด้วยเช่นเดียวกัน รวมทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)(A/TRIS), ตั๋วแลกเงินบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (A+/TRIS), และ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ A+ ด้านกองทุน KFF6MAU ซึ่งมีอายุกองทุนประมาณ 6 เดือน จะเข้าลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation และ Standard Chartered Bank, สาขาฮ่องกง ด้วยเช่นเดียวกัน รวมทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ Garanti Bank, ตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ BBB-, BBB และ BBB- ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการ ลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลักในช่วงเวลาเดียวกัน บลจ.กสิกรไทยจะเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีเจ (KPPTF3MDJ) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.45% ต่อปี

ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนกับกองทุน KFI3MDP, KFF6MAU, KFF2YD และ KPPTF3MDJ ได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ