ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียนไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด(มหาชน) (APCO) ผู้ดำเนินธุรกิจครบวงจรในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามจากธรรมชาติด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่าย เปิดเผยว่า ช่องทางการจำหน่ายผ่านระบบ Tele Marketing มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมา มีผู้สนใจโทรเข้ามาสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก
“เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาในภาคธุรกิจโดยรวมมองว่าได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่สำหรับ APCO กลับมียอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขายผ่านช่องทาง Tele Marketingสวนกระแสธุรกิจอื่น เนื่องจากผู้บริโภคสนใจติดตามข่าวสารมากขึ้น ซึ่งบริษัทมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ทั้งช่อง TNN2/ BlueskyTV /Money Channel ทำให้มีผู้ชมที่รักสุขภาพสนใจผลิตภัณฑ์โทรเข้ามาสอบถามข้อมูลและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก”ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานปี 57 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยมีเป้าหมายที่จะวิจัยพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ พร้อมทั้งขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างผลกำไรแก่ผู้ถือหุ้นอย่างสูงสุด พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้อย่างน้อย 10% อย่างไรก็ตามเป้าหมายรายได้ดังกล่าวยังไม่รวมรายได้จากโครงการเพรียวทั้งแผ่นดินที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 57
ด้านการขยายตลาดต่างประเทศ ล่าสุดมีการเซ็นสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์กับบริษัท PharmaGICในประเทศอิตาลี และจะมีออเดอร์เข้ามาในช่วงปลายไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ปี57 ซึ่งทางอิตาลีจะมีการเตรียมวางแผนทำการตลาดเพื่อจำหน่ายต่อไปโดยผลิตภัณฑ์ของ APCO จะถูกวางจำหน่ายผ่านร้านขายยาในเครือข่ายของบริษัท PharmaGICกว่า 5,000 แห่ง ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายในประเทศอิตาลีก่อน และขยายต่อไปยังประเทศเขตเศรษฐกิจยุโรป
ขณะที่การขยายตลาดในประเทศ จะเน้นที่ผลิตภัณฑ์ด้านความงามเป็นหลัก จากโครงการ “เพรียวทั้งแผ่นดิน” ที่จะวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนัก และกระชับสัดส่วนผ่าน Gold Shape Enjoy Station ในศูนย์การค้าชั้นนำกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายว่าในไตรมาส 1 ปี 57 จะมีเปิดทั้งสิ้น 30แห่งและทั้งปี 57รวม 150 แห่งซึ่งจะสร้างยอดขายอยู่ที่ประมาณ 3 แสนบาท/แห่ง/เดือน
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2556 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 88.76ล้านบาทปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.95 ล้านบาท หรือ 20.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 73.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 21.46 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.71 ล้านบาท หรือ 45.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 14.75ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิจำนวน 53.47 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น15.46 ล้านบาท หรือ 40.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38.01 ล้านบาท ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตขึ้น เนื่องจากมียอดขายที่สูงขึ้นหลังมีการปรับช่องทางการจำหน่ายให้มีความหลากหลาย พร้อมกับเพิ่มกิจกรรมด้านการขายและการตลาด
ขณะนี้ผลการควบรวมกิจการบริษัทลูกเข้าเป็นบริษัทเดียวกับ APCO ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ทำให้ผลประกอบการโดยรวมมีการรับรู้รายได้จากบริษัทลูก ส่งผลให้ผลประกอบการจะเติบโตไม่น้อยไปกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 70%