ดร.เพ็ชร ชินบุตร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การเปิดตัวเว็บไซต์พิพิธภัณฑ์อาหารไทยในชื่อ thaifoodmuseum.com ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่ครัวโลก โดยเว็บไซต์นี้ไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารไทย ทั้งคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการ แต่ยังช่วยแนะนำเมนูอาหารไทยแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้อาหารไทยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปยังนานาประเทศ ช่วยเปิดตลาดสินค้าใหม่ หรือตลาดอาหารเฉพาะด้าน ทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางด้านการตลาด
“อาหารไทยมีลักษณะเฉพาะแสดงถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นไทย ตลอดจนภูมิปัญญาการดำรงชีวิตที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม อาหารไทยนิยมปรุงด้วยการปิ้ง ย่าง แกง ต้ม ยำ คั่ว มีรสชาติเค็ม เปรี้ยว หวาน เผ็ด ที่เด่นชัด ซึ่งในแต่ละภาคของประเทศไทยมีความนิยมรสชาติอาหารแตกต่างกัน รวมถึงวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารก็แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศและภูมิวัฒนธรรมในท้องถิ่นนั้นๆ”
“โดยในเฟสแรกของเว็บไซต์ thaifoodmuseum.com ทางสถาบันอาหารฯ จะเน้นให้ข้อมูลด้านประวัติความเป็นมา คุณค่าทางโภชนาการ ส่วนผสม และวิธีการทำอาหารไทยทั้ง 4 ภาค รวม 101 เมนู ซึ่งล้วนแต่เป็นเมนูที่ขึ้นชื่อ เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก โดยจะทำเนื้อหาเป็น 2 ภาษา ไทยและอังกฤษ นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำโซเชียลมีเดีย ทั้ง Facebook, Twitter, Youtube และ Google Plus เพื่ออำนวยความสะดวกในการได้รับข่าวสารได้อย่างทั่วถึง สำหรับเฟสต่อไป ทางสถาบันฯ จะเพิ่มในส่วนวิดีโอสาธิตการทำอาหารแต่ละเมนู เมนูของหวาน และเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเครื่องปรุงแต่ละชนิดและคุณประโยชน์ต่างๆ”
“สถาบันฯ คาดว่า thaifoodmuseum.com จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพ่อบ้าน-แม่บ้านยุคใหม่ นักศึกษา พนักงานบริษัทที่นิยมทำอาหารทานเอง และผู้สนใจฝึกเรียนทำอาหาร เพื่อประกอบธุรกิจของตัวเอง รวมไปถึงเหล่าผู้นิยมอาหารไทยจากทั่วโลก โดยหลังจากเปิดตัวในวันนี้ ทางสถาบันฯ คาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการเว็บไซต์ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ประมาณ 1 แสนคน ภายในปี 2557” ดร.เพ็ชร กล่าวทิ้งท้าย