นายวิชัย กล่าว่า เครือข่าย 7 องค์กรภาคเอกชนเห็นร่วมกันว่า เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ความสงบสุขและสันติอย่างยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเจรจากัน โดยจะต้องแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน ที่จะลดความขัดแย้งลงทันทีและเปิดทางให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนในการแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองอย่างจริงจัง โดยไม่ผูกเป็นเงื่อนตายด้วยข้อจำกัดทางการเมืองและข้อกฎหมายทางเทคนิค ตลอดจนร่วมกันฟังความคิดเห็นอย่างเปิดกว้าง
สังคมไทยมีทางออกจากวิกฤติขณะนี้ได้หลายทาง ซึ่งสามารถนำไปสู่การปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง ทั้งนี้จะต้อง
1. สร้างความโปร่งใสในการใช้อำนาจรัฐ
2. สร้างกติกาเข้าสู่อำนาจรัฐที่ทุกฝ่ายยอมรับ และ
3. หยุดการทุจริตคอร์รัปชันและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
เนื่องจากเครือข่าย 7 องค์กรภาคเอกชนอยู่ในฐานะที่เป็นกลางทางการเมือง ได้มีโอกาสหารือกับนักวิชาการและผู้รู้ตามแนวคิดของฝ่ายต่าง ๆ และได้เคยนำเสนอในแถลงการณ์ฉบับต้น ๆ แล้วว่า
“แม้ยุบสภาแล้ว การปฏิรูปการเมืองและประเทศก่อนการเลือกตั้งนั้น สามารถทำได้”
เครือข่าย 7 องค์กรภาคเอกชน จึงได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในภาคการเมืองและประชาชนได้มาหาแนวทางแก้ไขวิกฤติตามกระบวนการที่ยึดและ เคารพในหลักประชาธิปไตยและเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ เครือข่าย 7 องค์กรภาคเอกชน จะร่วมกับสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ทำหน้าที่เป็นเวทีกลางครั้งที่ 1 ในการจัดระดมความคิดเห็นจากนักวิชาการและผู้รู้เพื่อร่วมกันเสนอทางออกที่เป็นไปได้ให้กับสังคมอย่างเป็นรูปธรรม และมีกำหนดจัดแถลงข่าว เพื่อนำเสนอทางออกดังกล่าวต่อสาธารณชน ในวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2556 เวลา 11.00 น. ณ ห้องโลตัส ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์