เอไลฟ์ ชี้เทรนด์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์มาแรง หลัง กนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ระบุผลตอบแทนสูงสวนทิศทางดอกเบี้ยขาลง โชว์ความสำเร็จหลังร่วมออกงาน Set in the City 2013 กระแสตอบรับดีเกินคาด โกยยอดขาย SAVE7 กว่า 12 ล้านบาท
ดร. เจตน์สุระ วงศ์วิเชียร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลงหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.50% ต่อปี เหลือ 2.25% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากมองว่านโยบายการเงินขณะนี้ ยังผ่อนคลายและเหมาะสม อีกทั้งเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ และมีความเสี่ยงสูงขึ้น แม้สินเชื่อภาคครัวเรือนจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ภาคสถาบันการเงินหลายแห่งอาจจะต้องทำการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในส่วนของเงินฝาก และเงินกู้เพื่อให้สอดรับกับทิศทางนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจประกันชีวิตเชื่อว่าจากนี้ไปผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จะได้รับความสนใจสำหรับลูกค้าที่ต้องการผลตอบแทนสูงในช่วงทิศทางดอกเบี้ยขาลง เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่กลุ่มลูกค้าเริ่มให้ความสำคัญเรื่องของการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตมากขึ้น โดยเฉพาะการวางแผนการเงินผ่านรูปแบบของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เนื่องจากผลตอบแทนอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับเงินฝากทั่วไป อีกทั้ง ผลตอบแทนไม่ต้องเสียภาษี
สำหรับการร่วมออกบูธงาน Set in the City กรุงเทพมหานคร 2013 ที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก มีลูกค้าให้ความสนใจเข้ามาใช้บริการวางแผนทางการเงินกับเอไลฟ์ อย่างต่อเนื่องตลอดงาน อีกทั้งผลิตภัณฑ์ SAVE7 ที่เป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่นำออกมาเสนอในครั้งนี้ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แม้จะเปิดขายในจำนวนจำกัด โดยวันแรกและวันที่ 2 กำหนดโควต้าการขายวันละ 2 ล้านบาท วันที่ 3และ 4 กำหนดโควต้าการขายวันละ 3 ล้านบาท ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงานมีพบว่ามีลูกค้าจำนวนมากรอต่อคิวจองสิทธิ์ในการซื้อผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้การเปิดขายวันแรกต้องขยายวงเงินเพิ่มเป็น 4 ล้านบาท ขณะที่วันอื่นๆ ก็สามารถปิดยอดการขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งจากวันแรกจนถึงวันสุดท้าย มียอดขายจากผลิตภัณฑ์ SAVE7 เป็นจำนวน 12 ล้านบาท
สำหรับการแข่งขันในช่วงที่เหลือของปีนั้น บริษัทยังคงเน้นการให้บริการผลิตภัณฑ์ในหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษี รวมถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ โดยในสิ้นปีนี้จะยังคงเห็นผลิตภัณฑ์ SAVE7 ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ 4.5% ทั้งนี้แม้ว่าอัตราผลตอบแทนดังกล่าวจะต่ำกว่าที่ให้ในช่วงโปรโมชั่นในวันงาน Set in the City 2013 แล้วแต่ถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์เงินฝากอื่นๆ นั้นถือว่าผลิตภัณฑ์ SAVE7 ยังให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูง และผลตอบแทนดังกล่าว คิดคำนวณเหมือนเงินฝากธนาคาร และผลตอบแทนดังกล่าวก็ไม่ต้องเสียภาษีด้วย
“ผลิตภัณฑ์ SAVE7 ที่นำออกมาเสนอในช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากผลตอบแทนในระดับ 4.5% ถือเป็นอัตราผลตอบแทนคงที่ที่สูง เมื่อเทียบกับทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลงหลังจากที่ กนง. ได้มีมติปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมที่ผ่านมา ซึ่งจะเปิดขายให้ถึงแค่สิ้นปีนี้เท่านั้น” ดร.เจตน์สุระ กล่าว
อย่างไรก็ตามในส่วนของเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของเอไลฟ์ที่ผ่านมาจนถึง ณ สิ้นเดือนตุลาคม บริษัทมียอดเบี้ยรับรวมในอัตราที่เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาถึง 42% โดยในช่วงระยะเวลาเหลืออีก 2 เดือน (พ.ย.-ธ.ค.) บริษัทฯ คาดว่า จะสามารถปิดยอดขายโดยมียอดเบี้ยรับรวม เติบโตไม่น้อยกว่า 45% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเติบโตกว่าอุตสาหกรรมประกันชีวิต ที่คาดว่าจะเติบโตทั้งระบบ 17% ซึ่งจะทำให้บริษัท เติบโตเฉลี่ยปีละ 45% ติดต่อกัน 3 ปี และเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน