มร. แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและและผู้อำนวยการ- หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ไว้ว่าในปีหน้าไม่มีสัญญาณของสภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยได้อธิบายไว้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพแบ่งเป็น 4 ส่วนด้วยกัน ดังนี้:
1. คอนโดมิเนียมในพื้นที่ศูนย์กลางย่านธุรกิจที่อยู่บริเวณพลินจิตและสาทร จะไม่มีสภาวะฟองสบู่เพราะที่ดินหายากและมีที่ดินเหลือไม่กี่แปลงสำหรับการพัฒนาให้เป็นอาคารสูง ที่ดินที่ยังเหลืออยู่ก็มีราคาแพงมาก คอนโดมิเนียมเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับคุณภาพและราคาที่สูง ความต้องการซื้อมีอยู่เสมอ แต่มีการตอบสนองความต้องการที่จำกัด ดังนั้นคอนโดบริเวณนี้จึงเหมาะแก่การลงทุน
2. คอนโดมิเนียมบริเวณสุขุมวิทซอย 3 ถึง ซอย 69 และพระโขนง คอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้โดดเด่นสำหรับการลงทุนเช่นกันโดยเฉพาะที่อยู่ระหว่างซอย 3 ถึงซอย 55 ขนาดประมาณ 1 ถึง 2 ห้องนอน นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากค่าเช่า 5 ถึง 6 เปอร์เซ็นต์
3. คอนโดมิเนียมในเขตพื้นที่ชานเมือง เช่น ลาดพร้าว รัชดา และพระราม 9 คอนโดในส่วนนี้มีศักยภาพสูงเพราะการเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้ง่าย เช่น รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ที่ดินที่เหลืออยู่ราคายังไม่สูงมาก ดังนั้นจึงอาจจะมีซัพพลายใหม่ในอนาคต ตลาดคอนโดรีเซลในพื้นที่นี้ไปได้ดีเช่นกันสำหรับหลายๆ โครงการที่ตั้งอยู่ภายในระยะ 200 เมตรจากระบบขนส่งมวลชน
4. คอนโดมิเนียมในพื้นที่รอบนอก สำหรับบริเวณนี้ บริษัทผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควรตระหนักถึงเกรดของคอนโดเพราะดีมานด์พื้นที่นี้ตระหนักถึงราคาเป็นหลัก ดังนั้นบริษัทผู้พัฒนาจึงมีแนวโน้มที่จะสร้างคอนโดให้มีขนาดยูนิตเล็กลงและราคาต่ำลง
มร. ข่าน เปรียบเทียบตลาดคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมของกรุงเทพฯกับตลาดของประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิก โดยกล่าวว่า คอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมในกรุงเทพฯสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในหลายๆ เมือง เช่น ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และสิงคโปร์ได้ ด้วยคุณภาพและคุณสมบัติที่เทียบกันได้ในราคาที่ต่ำกว่า เช่น เดอะ สุโขทัย เรสซิเด้นท์เซส และ เซนต์ รีจีส เรสซิเด้นท์เซส บริษัทผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมควรมุ่งเน้นไปที่มาตรฐานระดับไฮ-เอ็นด์ในคุณสมบัติของคอนโดมิเนียม ควบคู่ไปกับการออกแบบที่เพิ่มมูลค่า เช่น ห้องนอนหลักขนาดใหญ่ขึ้น และพื้นที่ห้องนั่งเล่นและครัวที่กว้างขึ้น คอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มาจากฮ่องกง ลอนดอน ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อินเดียและรัสเซีย
เมื่อพิจารณาการแข่งขันที่มีของคอนโดระดับพรีเมียมในกรุงเทพฯและความต้องการซื้อจากผู้ซื้อและนักลงทุนชาวต่างชาติ ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย จึงวางแผนที่จะขยายงาน exhibitionในปีหน้า เพื่อนำคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯไปขยายตลาดสู่นักลงทุนและผ็ซื้อที่กัวลาลัมเปอร์และเซี่ยงไฮ้ โดยก่อนหน้านี้บริษัทฯได้รับผลตอบรับด้านบวกมาแล้วจากตลาดการลงทุนและผู้ซื้อชาวสิงคโปร์และชาวฮ่องกง นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่รู้จักกรุงเทพและภูเก็ตเป็นอย่างดี ซึ่งที่บ้านเราไดประโยชน์จากแผนการเก็บภาษีที่ดึงดูดผู้ซื้อ สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นความสนใจจากผู้ซื้อในอนาคต
มร. ข่าน คาดการณ์ว่าปีหน้าจะเป็นปีที่สดใสสำหรับตลาดคอนโดรีเซล เป็นเพราะมีคอนโดระดับไพร์มจำนวนเล็กน้อยที่จะเปิดตัวสู่ตลาดในอนาคต เพราะที่ดินในเขตศูนย์กลางย่านธุรกิจมีราคาสูงกว่า 1.5 ถึง 1.6 ล้านบาทต่อตารางวา อย่างไรก็ตาม ความต้องการซื้อก็ยังคงมีอยู่ เพราะชาวไทยส่วนใหญ่ต้องการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ศูนย์กลางย่านธุรกิจเช่น สุขุมวิท ซึ่งบางกลุ่มต้องการที่จะเก็บไว้เป็นมรดกของพวกเขา
มร. ข่าน ยังได้กล่าวว่าตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยากำลังเป็นที่น่าสนใจทีเดียว โควต้าโครงการคอนโดสำหรับชาวต่างชาติ 49 เปอร์เซ็นต์ขายหมดอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ 51 เปอร์เซ็นต์สำหรับชาวไทยยังขายไม่หมด ความต้องการของผู้ซื้อชาวไทยไม่มากนักนตลาดนี้ โครงการระดับไฮ-เอ็นด์ อย่างเช่น รีเฟลคชั่นส์ ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อชาวไต้หวันและชาวฮ่องกง ขณะที่คอนโดมิเนียมราคาย่อมเยาว์ เช่น ลากูน่า มัลดีฟส์ และอะควา เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ซื้อชาวรัสเซีย ปีนี้มีคอนโดมิเนียมที่สร้างใหม่เพื่อขายถึง 17,064 ยูนิต และ 57 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่หาดจอมเทียน