“ต้องถือว่าจากจุดเริ่มต้นของธุรกิจห้าดาวอินเดียเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ตั้งเป้าไว้ 50 สาขา แต่ด้วยการตอบรับที่ดีของผู้บริโภคและผู้สนใจทำธุรกิจร่วมกับเรา ทำให้ปัจจุบันธุรกิจห้าดาวที่ดำเนินการในรูปแบบ “Quick Service Restaurant” (QSR) ในเมืองบังกาลอร์ และ เชนไน สามารถขยายถึง 75 สาขา เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยคิดเป็นสัดส่วนของผู้ที่มาลงทุนทำธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ 75% และ ธุรกิจที่เราดูแลเอง 25% โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการควบคุมคุณภาพสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ให้คำปรึกษาในการทำตลาดและให้บริการลูกค้า รวมถึงการขนส่งและพัฒนาด้านR&D ทำให้บริษัทฯสามารถควบคุมคุณภาพของแบรนด์ สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค”
สำหรับปี 2014 ธุรกิจห้าดาวอินเดียตั้งเป้าขยายให้ครบ 250 สาขา เพราะจัดเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตอีกมาก จากจำนวนประชากรที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยวางแผนขยายถึง 1,000 สาขา ภายใน 5 ปี โดยจะเข้าไปทำตลาดในหัวเมืองใหญ่ๆของอินเดีย 10-12 เมือง ครอบคลุมประชากรกว่า 100 ล้านคน โดยกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ยังคงเป็น วัยรุ่น และ วัยทำงานเริ่มต้น
ในส่วนของธุรกิจห้าดาวเวียดนาม มีการปรับเปลี่ยนโมเดลทางธุรกิจ เพื่อสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยปรับให้เป็นรูปแบบพรีเมี่ยมคีออส มีพื้นที่ให้บริการมากขึ้น มีการตกแต่งร้าน เน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 200 สาขา ตั้งเป้าว่าในปี 2014 จะขยายถึง 350 สาขา และ เพิ่มเป็น 1,000 สาขา อีก 5 ปีข้างหน้า และ เกือบ 100% เป็นโมเดลธุรกิจแบบ แฟรนไชส์
ซีพีเอฟ ยึดมั่นในหลักปรัชญา 3 ประโยชน์ ในการดำเนินธุรกิจ คือ ต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และ บริษัท ฉะนั้น การทำธุรกิจของห้าดาวในต่างประเทศ นอกจากจะถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมอาหารแล้ว ยังช่วยสร้างงานสร้างอาชีพแก่ประชาชนในประเทศนั้นๆอีกด้วย สำหรับธุรกิจห้าดาวในต่างประเทศยังถือเป็นช่วงเริ่มต้นของธุรกิจ ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยจะเน้นการพัฒนาแบรนด์ให้เข้มแข็งควบคู่กับการทำตลาดเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เพื่อก้าวสู่วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” อย่างแท้จริง.