“สืบเนื่องมาจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงนี้ เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในสินทรัพย์ที่เคยให้ผลตอบแทนสูง เช่นการลงทุนในตราสารทุน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงและยังคงมีความผันผวนในระดับสูง การเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำจึงมีความน่าสนใจ และยังคงให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ โดยผู้ลงทุนควรพิจารณาช่วงจังหวะในการลงทุน ประกอบกับการประเมินทิศทางดอกเบี้ยที่คาดว่าอาจจะมีการปรับตัวลดลงได้อีก ซึ่งบลจ.กสิกรไทยแนะนำให้ผู้ลงทุนล็อกโอกาสรับผลตอบแทนไว้ก่อนโดยการพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ เพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจต่อไป” นางสาวยุพาวดีกล่าว
นางสาวยุพาวดีกล่าวต่อว่า สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ดีที (KFI3MDT) ที่จะเสนอขายในสัปดาห์นี้ ในเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝากของ Bank of China, สาขามาเก๊า และเงินฝากของ Garanti Bank, ประเทศตุรกี ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A และ BBB- ตามลำดับ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ A+, AA- และ AA- ตามลำดับ โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก ในช่วงเวลาเดียวกัน บลจ.กสิกรไทยจะเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีแอล (KPPTF3MDL) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.30% ต่อปี
ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนกับกองทุน KFI3MDT และ KPPTF3MDL ได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888