การลงทุนสั่งต่อเรือใหม่ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถด้านงานวิศวกรรมใต้ทะเลและการให้บริการเรือขุดเจาะนอกชายฝั่งของเมอร์เมด เพื่อรองรับการเติบโตและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเรือขุดเจาะทั้ง 2 ลำ จะทยอยส่งมอบได้ประมาณไตรมาสที่ 1 และ 2 ในปี 2559 ในขณะที่เรือสนับสนุนการปฎิบัติการดำน้ำ (Dive Support Vessel - DSV) ลำใหม่จะส่งมอบได้ประมาณไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “แนวโน้มของกิจกรรมการสำรวจและผลิตในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยผลักดันความต้องการใช้งานบริการนอกชายฝั่งให้สูงขึ้นตามไปด้วย แต่เรือขุดเจาะที่เรามีอยู่อายุมากใกล้จะถึงกำหนดปลดระวางแล้ว เราจึงต้องสั่งต่อเรือลำใหม่มาทดแทน เนื่องจากเรือใหม่ๆ จะเป็นที่นิยมจากลูกค้ามากกว่า เพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และประสิทธิภาพสูงกว่า และยังทำให้เราได้รับอัตราค่าเช่าเรือรายวันที่สูงขึ้นอีกด้วย ซึ่งมีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากสัญญาล่าสุดของบริษัท AOD ซึ่งเป็นบริษัทที่เราร่วมทุนกับบริษัท ซีดริล ซึ่งเป็นยักษใหญ่ในวงการขุดเจาะในการนำเรือขุดเจาะสามขาที่เพิ่งได้รับมอบมา ไปให้บริการกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุดิอาระเบีย โดยเราได้รับค่าเช่าเรือในอัตราที่สูงมาก ส่วนเรือ DSV ที่จะสั่งเพิ่มนั้น จะเป็นเรือ DSV ลำที่สี่ที่มาเสริมกองเรือบริการวิศวกรรมใต้น้ำทะเลของเมอร์เมด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของบริษัทน้ำมันรายใหญ่ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชีย โดยในปัจจุบัน เรือ DSV สามลำแรกกำลังปฏิบัติงานอยู่ที่น่านน้ำอินโดนีเซีย อ่าวไทย และทะเลเหนือ”
“เมอร์เมด เลือกใช้บริการต่อเรือของบริษัท ไชน่า เมอร์แช็นท์ เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการสร้างเรือที่คุณภาพสูง ประกอบกับมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง รวมถึงมีแนวทางการทำงานที่เปิดเผยและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้เรามั่นใจว่าบริษัท ไชน่า เมอร์แช็นท์ จะต่อเรือได้ตามความต้องการของเมอร์เมดและสามารถส่งมอบเรือทั้งหมดให้ได้ตรงตามกำหนดการ”
เรือขุดเจาะใหม่ทั้งสองลำ ถูกออกแบบโดยบริษัท เนชั่นแนล ออยล์เวล วาร์โก้ (National Oilwell Varco - NOV) ให้มีพื้นที่ใช้งานบนดาดฟ้าเพิ่มจากเรือรุ่นเดิมถึง 50% มีห้องพักรองรับเจ้าหน้าที่ได้ถึง 200 คน และมาพร้อมกับอุปกรณ์ซ่อมบำรุงแบบครบครัน ราคาต่อเรือมีมูลค่าลำละ 149 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเรือสนับสนุนการปฎิบัติการดำน้ำลำใหม่มีมูลค่า 138 ล้านเหรียญสหรัฐ จะได้รับการติดตั้งยานสำรวจใต้ทะเล (ROV) และอุปกรณ์ขนส่งนักประดาน้ำคู่ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้การปฏิบัติงานใต้ทะเลเช่น งานสำรวจก่อนการติดตั้ง ยานสำรวจใต้ทะเล งานซ่อมบำรุงอุปกรณ์ใต้น้ำและบริการประดาน้ำ สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งนี้ เมอร์เมด จะนำเงินที่ได้มาจากการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนก่อนหน้านี้จำนวน 176 ล้านเหรียญสหรัฐ ร่วมกับการหาเงินกู้ มาชำระค่าใช้จ่ายในการสั่งต่อเรือใหม่ในครั้งนี้
นายจู้ กุ่ยหมิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไชน่า เมอร์แช็นท์ อินดัสตรีส์ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “เรายินดีที่ได้มีโอกาสร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับทางเมอร์เมด คำสั่งซื้อเรือทั้ง 3 ลำที่เกิดขึ้นในคราวนี้ เป็นผลมาจากความร่วมมือกันของทั้งสองฝ่ายตั้งแต่เมื่อต้นปี 2555 และเรามั่นใจว่าจะ ส่งมอบเรือได้ในปี 2559 อย่างแน่นอน เราขอขอบคุณทางเมอร์เมด ที่ให้การสนับสนุนบริษัทเป็นอย่างดี และหวังว่าได้ให้บริการสนับสนุนกิจกรรมการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของเมอร์เมดในโครงการอื่นๆ อีกในอนาคต”