นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เปิดเผยถึงความคืบหน้าของแผนการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2557 เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557 มีมติอนุมัติให้ บริษัท เชาว์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (CI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น มีขนาดโครงการประมาณ 18 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าโครงการประมาณ 1,863.90 ล้าน และอนุมัติแต่งตั้ง บริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด (PSCL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวให้แก่ CI
“เราเลือกลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการแรกในประเทศญี่ปุ่นเพราะเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างชัดเจน ทั้งจากการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น และการส่งเสริมการลงทุนทางด้านนี้ของสถาบันการเงินต่างๆ ประกอบกับเราได้ศึกษาและเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนในตลาดนี้มาพอสมควร ทั้งด้านพันธมิตร ทีมงาน และบุคลากรต่างๆ จึงทำให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้ทันทีที่คณะกรรมการมีมติอนุมัติโครงการดังกล่าว โดยเม็ดเงินในการลงทุนจะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเป็นหลัก ส่วนที่เหลือบริษัทจะใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะชำระเงินทั้งหมดสำหรับโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2557” นายอนาวิล กล่าว
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นขนาด 18 เมกะวัตต์ ทางบริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด จะดำเนินการพัฒนาโครงการอย่างครบวงจรทั้งการจัดหาที่ดิน ใบอนุญาตต่างๆ ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายไฟฟ้า แผงพลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ และการก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้สามารถพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ได้ตามที่บริษัท เชาว์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้ว่าจ้างได้กำหนดไว้ ซึ่งปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการนี้ มีใบอนุญาตขายไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่การไฟฟ้าฯ ของประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว ที่ราคา 40 เยนต่อหน่วย เป็นเวลา 20 ปี ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะเริ่มก่อสร้างได้ตั้งแต่.ไตรมาส 1/2557 และแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2557
นายอนาวิลกล่าวอีกว่า การมุ่งลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้ ก็เพื่อสานต่อปณิธานของคณะกรรมการบริษัทฯ ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ และกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจอื่น รวมทั้งกระจายความเสี่ยงไปต่างประเทศ ประกอบกับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้และกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ สนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว โดยคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าของธุรกิจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นไป