นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมาว่า สินเชื่อและเงินฝากของธนาคารเติบโตดีตามเป้าหมาย โดยเฉพาะสินเชื่อ สามารถทำได้เกินเป้าหมาย โดยเติบโตจากสินเชื่อในภาคธุรกิจและสินเชื่อรายย่อยเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีสินทรัพย์ 2.5 ล้านล้านบาท เป็นพอร์ตของภาคเอกชนจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท
“สำหรับการให้สินเชื่อกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ในโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตรนั้น ธนาคารใช้หลักเกณฑ์เดียวกับที่ให้วงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินต่างๆ โดยคำนึงถึงปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้หรือผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ โดยพิจารณาผ่านฝ่ายกลั่นกรองสินเชื่อและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ตามความเหมาะสมกับสภาพธุรกิจและฐานะทางการเงิน”
นายวรภัค ธันยาวงษ์ เปิดเผยต่อไปว่า ขอให้ลูกค้าและประชาชนมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร ซึ่งคำนึงถึงการบริหารจัดการด้านความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด เพราะธนาคารเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีผู้ถือหุ้นรายย่อยและสถาบันการเงินอยู่มากกว่า 45% และยังต้องแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ใหญ่อื่นๆ ดังนั้น ธนาคารจะคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน ที่สำคัญธนาคารอยู่ภายใต้การดูแลและกำกับจากธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน