นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจประจำปี 2557 ว่า “ในปีนี้บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายยอดขาย41,000 – 45,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับยอดขายรวมในปี 2556 ที่บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง41,282 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้ 40,000 – 42,000 ล้านบาทและเพื่อรองรับกับเป้าหมายและการเติบโตของบริษัทฯ จึงขยายโรงงานพฤกษาพรีคาสท์เพิ่มอีก 2 โรงงาน ที่นวนคร ใช้งบลงทุน 2,100 ล้านบาท โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลกจากประเทศเยอรมนีควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทุกขั้นตอน ทำให้ได้บ้านที่มีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐานทั่วไป และจะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตบ้าน รวมสูงถึง 1,120 หลังต่อเดือน คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในเดือนกันยายน ปีนี้”
“ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2557 คาดว่าจะเติบโตในกรอบแคบๆ เพิ่มจากปี 2556 ประมาณไม่เกิน 5% โดยมีมูลค่าตลาดรวมทั้งหมดประมาณ 640,000 ล้านบาท โดยต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่และพื้นที่ของจังหวัดที่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้านจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถรองรับกับ AEC ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 แต่หากเกิดผลกระทบด้านปัจจัยลบต่างๆ คาดว่าตลาดอาจจะชะลอตัวลงประมาณ -2% ซึ่งกรุงเทพและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบมากกว่า สำหรับพฤกษา เรียลเอสเตท จะเน้นการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อรักษาอัตราการเติบโตแบบยั่งยืนจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นเรียลดีมานด์ ส่วนใหญ่จะเป็นในเซ็กเมนต์ระดับล่าง-กลาง และจะมีเพียงส่วนน้อยที่จะมีการขยายฐานลูกค้าไปยังเซ็กเมนต์ระดับกลาง-บนโดยจะโฟกัสในเรื่องการปรับปรุงกระบวนการทำงานด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบ Real Estate Manufacturing (REM) ที่จะนำมาใช้กับทุกโครงการแนวราบเพื่อสามารถควบคุมคุณภาพ บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเพื่อเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจลูกค้า”
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เป้าหมายรายได้ในปี 2557 ประมาณไว้ว่าจะอยู่ระหว่าง41,000 – 45,000 ล้านบาทโดยจะมาจากพอร์ตหลักคือกลุ่มโครงการแนวราบประมาณ 80% และอีกประมาณ 20% เป็นกลุ่มโครงการแนวสูงทั้งนี้เนื่องจากต้นปี 2557 นี้มี Backlog มูลค่าประมาณ 37,836 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 20,786 ล้านบาท และจะมีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ40-50 โครงการมูลค่ารวมประมาณ40,000 - 50,000 ล้านบาทโดยสามารถแบ่งได้เป็น ทาวน์เฮาส์ 25-29 โครงการ บ้านเดี่ยว 9-12 โครงการ คอนโดมิเนียม 5-8 โครงการ และต่างประเทศ 1 โครงการ นอกจากนี้ยังจะมีรายได้จากส่วนหนึ่งของโครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา(Active Projects) รวม 164 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 59,689 ล้านบาทจึงมั่นใจได้ว่าในปีนี้ จะเป็นอีกปีหนึ่งที่บริษัทฯ จะสามารถรักษามาตรฐานคุณภาพของบ้านที่ดี เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า โดยยังสามารถเติบโตและบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้เหมือนเช่นปีที่ผ่านมา”