นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการติดตามเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในช่วงนี้มีคนเจ็บป่วยเป็นไข้หวัดกันเยอะ ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดธรรมดา ส่วนเชื้อไข้หวัดใหญ่ยังอยู่ในความควบคุมได้ ทางกรมวิทย์ฯ ได้กระตุ้นให้คนที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นไข้หวัดได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ หรือหญิงตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้นไข้หวัดใหญ่จึงยังคงจะไม่มีการระบาด ถึงแม้ว่าจะได้รับการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ก็มีอาการป่วยที่ไม่รุนแรงและไม่มีการแพร่เชื้อออกไปได้ง่าย
ที่ผ่านมาทั้งหน่วยงานส่วนกลางและศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศได้เฝ้าระวังและติดตามการเปลี่ยนแปลงตัวเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มาโดยตลอด เห็นได้จากเหตุการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2552 และไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 ( MERS CoV )ในปี 2556 และได้มีการบริหารจัดการห้องปฏิบัติการเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโรค ทั้งการสนับสนุนการตรวจวิเคราะห์เชื้อและยืนยันสายพันธุ์ของเชื้อ การนำเสนอข้อมูลและติดตามสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งห้องปฏิบัติการไข้หวัดใหญ่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ดังนั้นองค์การอนามัยโลกจึงได้แต่งตั้งให้เป็นศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติและห้องปฏิบัติการอ้างอิงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขององค์การอนามัยโลกด้านไข้หวัดใหญ่ และจากการสนับสนุนและร่วมมือกับศูนย์ควบคุม และป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกาและกรมควบคุมโรคในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและเครือข่ายโรคไข้หวัดใหญ่ทางห้องปฏิบัติการ จึงเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเฝ้าระวังเชื้อไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่ออีกว่า การประชุมประจำปีของโครงการเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ผู้แทนจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา และโรงพยาบาลเครือข่ายทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งสิ้น 50 คน ได้มีโอกาสเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินงานระบบเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและทบทวนการดำเนินงานระบบเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทย เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจกำหนดนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขและร่วมมือกันทำให้ระบบการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศมีความเข้มแข็งและยั่งยืน
นายแพทย์สมชาย แสงกิจพร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข และศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติได้รับทุนสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลกและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจจับสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในประเทศไทยภายใต้โครงการ“Strengthening Thailand’s Influenza Surveillance Network to Support Influenza Control Policy and Improve Pandemic Preparedness” โดยได้รับทุนสนับสนุนต่อเนื่อง 2 ระยะ รวม 10 ปี สำหรับปีนี้เป็นปีที่ 5 ของระยะที่ 2 โครงการนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง เกิดการเชื่อมโยงของข้อมูลทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งได้สร้างเป็นเครือข่ายร่วมกับภูมิภาคต่างๆ ของโลก
ทั้งนี้ระบบเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ที่มีความเข้มแข็งมีประสิทธิภาพและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ระบบเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รองรับกับสถานการณ์โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขและภัยคุกคามด้านสุขภาพของประชาชน