โดยตราสารที่กองทุนลงทุนประกอบด้วย Bank of China มีสถานะเป็นธนาคารภาครัฐ ถือหุ้นใหญ่โดยหน่วยงานเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน 67.55% มีบทบาทในการสนองนโยบายของภาครัฐ มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เปเนอันดับที่ 17ของโลก และขนาดใหญ่เป็นอันดับ4 ของธนาคารในจีน , China Construction Bank (CCB ) มีรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 59% และมีสถานะเป็นธนาคารที่ใหญ่อันดับสองของประเทศ ตามขนาดของสินทรัพย์ และมีความสำคัญต่อระบบธนาคารของประเทศ จึงคาดว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลหากประสบปัญหา ธนาคารมีสาขาทั่วประเทศ และเป็นผู้นำในด้านการให้สินเชื่อโครงสร้างพื้นฐาน และการก่อสร้าง มีความสามารถในการแข่งขันสูง , Gazprombank OJSC (GPBRU) เป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่อันดับ 3 ของรัสเซีย เป็นบริษัทในกลุ่ม Gazprom ที่ดำเนินธุรกิจก๊าซรายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย และถือหุ้นโดยรัฐบาล และ ICBC Asia Ltd. เป็นธนาคารที่เปิดดำเนินธุรกิจในฮ่องกง โดยมี ICBC ธนาคารใหญ่อันดับหนึ่งของจีน เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 100% โดย ICBCA จะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนภาคธุรกิจการเงินระหว่างประเทศของ ICBC
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือนคุ้มครองเงินต้น 5 (KTFIX6M5) อายุโครงการ 6 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 31 มกราคม 2557 เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในประเทศ ประเภทเงินฝาก/บัตรเงินฝาก/ตั๋วแลกเงินของสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารทิสโก้ ธนาคารไอซีบีซี ธนาคารออมสิน ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ รวมถึงสถาบันการเงินธนาคารพาณิชย์ ในสัดส่วน 43% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.30% ต่อปี
อัตราผลตอบแทนของตลาดตราสารหนี้ในประเทศ รุ่นอายุ 1 เดือน – 1 ปี อยู่ในอัตราระหว่าง 2.185% – 2.198% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่ประเภท 6 เดือนอยู่ระหว่าง 1.70 – 1.90% สำหรับธนาคารขนาดเล็กอยู่ที่ประมาณ 1.85 – 3.15% ทั้งนี้ผลตอบแทนของกองทุนดังกล่าว มีโอกาสสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และอัตราผลตอบแทนของกองทุนไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายอีกด้วย