นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า ไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพการส่งออกน้ำตาลทรายเป็นเบอร์ 2 ของโลก โดยมีปริมาณส่งออกร้อยละ 70 จากผลผลิตเฉลี่ยอยู่ปีละ10 ล้านตัน ซึ่งตลาดส่งออกที่สำคัญอยู่ในเอเชีย ร้อยละ 90 และในจำนวนนี้ เป็นการส่งออกไปประเทศในกลุ่มอาเซียนถึงร้อยละ 45 ของปริมาณน้ำตาลส่งออกทั้งหมด โดยแนวโน้มคาดว่า จะมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายประเทศ ยังไม่สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้เพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศ จึงนำเข้าน้ำตาลทรายจากประเทศไทย เนื่องจากมีความสะดวกและมีต้นทุนค่าขนส่งต่ำกว่า การนำเข้าน้ำตาลทรายจากประเทศบราซิล ที่เป็นผู้ส่งออกน้ำตาลทรายเบอร์ 1 ของโลก
อย่างไรก็ตาม พบว่า ยังมีอุปสรรคด้านการส่งออกน้ำตาลทรายของไทยไปยังอาเซียน เนื่องจากหลายประเทศได้ชะลอการปรับลดภาษีนำเข้าน้ำตาลทราย รวมถึงการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมน้ำตาลภายในประเทศตนเอง เช่น อินโดนีเซีย ได้ใช้สิทธิกำหนดน้ำตาลเป็นสินค้าอ่อนไหวสูง จึงขอทยอยลดภาษีลดลงเหลือร้อยละ 5-10 ในปี 2558 เช่นเดียวกับประเทศฟิลิปปินส์ที่ขอทยอยลดภาษีลงเหลือร้อยละ 0-5 ในปี 2558 หรือมาเลเซียที่ใช้การกำหนดโควตา และการขอใบอนุญาตนำเข้า ส่งผลให้การส่งออกน้ำตาลทรายไปยังประเทศเหล่านี้ไม่สามารถขยายตัวได้เท่าที่ควร
“เดิมทีประเทศในอาเซียนได้ตกลงกรอบการค้าเสรีระหว่างกัน (AFTA) เมื่อปี 2535 ที่ให้สมาชิกอาเซียนเดิม 6 ประเทศ ได้แก่ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย ลดภาษีนำเข้าน้ำตาลเหลือร้อยละ 0-5 ภายในปี 2553 และประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่ ลาว พม่า กัมพูชาและเวียดนาม ทยอยปรับลดภาษีน้ำตาลลงเหลือร้อยละ 0-5 ภายในปี 2560 แต่ในความเป็นจริง การลดภาษีภายใต้กรอบการค้าเสรีดังกล่าว ยังไม่บรรลุเจตนารมณ์ตามกรอบการค้าที่ได้ตกลงระหว่างกัน เนื่องจากประเทศสมาชิกอาเซียนได้ปกป้องอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายภายในประเทศ” นายเชิดพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย มีความกังวลว่า แม้ในปี 2558 ที่ชาติในอาเซียนจะรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อเปิดเสรีทางการค้าระหว่างกัน แต่หากประเทศสมาชิกเหล่านี้ ยังคงนโยบายปกป้องอุตสาหกรรมด้วยการชะลอการเปิดตลาดเสรีน้ำตาลทรายต่อไปย่อมส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลทรายของไทย
ดังนั้น ประเทศไทยจึงควรเจรจาผลักดันให้ประเทศสมาชิกอาเซียน ดำเนินการเปิดเสรีนำเข้าตลาดน้ำตาลทรายได้อย่างเสรี โดยกำหนดเงื่อนไขและกรอบเวลาให้ชัดเจน ซึ่งจะช่วยเอื้อโอกาสการส่งออกน้ำตาลทรายของไทยไปยังชาติในอาเซียนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการไทย ก็ต้องเร่งพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตอย่างจริงจัง ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพแข่งขันของอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยให้มีความยั่งยืนและมีรายได้จากการส่งออกน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น