- สยามฟิวเจอร์ฯ จับมืออาร์ต อิน พาราไดซ์ เปิดพิพิธภัณฑ์ศิลปะเพื่อคนกรุงเทพฯ ที่เอสพลานาด รัชดา พร้อมดึง 5 ผู้ประกอบการชื่อดังร่วมสร้างสีสันและความบันเทิง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดชิคของคนรุ่นใหม่
- สยามฟิวเจอร์ฯ เปิดแผนการลงทุนปี 2014ทุ่มงบกว่า 40 ล้านบาท รีเฟรชแบรนด์เอสพละนาด รัชดาพร้อมเล็งขยายฐานลูกค้า อีก 30.% ภายในสิ้นปีนี้
บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดแผนธุรกิจครั้งแรกในปี 2014 เตรียมปั้นศูนย์การค้าเอสพละนาด รัชดาภิเษก ให้เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ชั้นนำเพื่อคนรักงานศิลป์มุ่งตอกย้ำการเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจคอมมิวนิตี้สไตล์โมเดิร์นแห่งแรกในเมืองไทย ภายใต้แนวคิด“The Best Art & Entertainment Complex 2014”พร้อมเปิดตัวพิพิธภัณฑ์อาร์ต อิน พาราไดซ์ (Art in Paradise) สาขากรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ บนพื้นที่ 2 ชั้น รวมกว่า 2,500 ตารางเมตร ของศูนย์การค้าเอสพละนาด รัชดา ชั้น 4 ด้วยเงินลงทุน 55 ล้านบาท เพื่อชูจุดเด่นด้านศิลปะสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกันนี้ ได้มีการเผยโฉม 5ตัวอย่างร้านค้าสุดอินเทรนด์ที่จะมาร่วมเนรมิตศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา ให้เป็นอาณาจักรแห่งศิลปะและความบันเทิงในมิติต่าง ๆ ได้แก่ วี ฟิตเนส โซไซตี้ (We Fitness Society) ตัวแทนของ Health & Entertainmentร้านอาหารซับเวย์(Subway) ตัวแทนของฟาสต์ฟู้ดสไตล์เทรนดี้เพื่อสุขภาพ ร้านง้วนหลังวัง ตัวแทนของรสชาติความสุขแบบไทย ๆ ร้านบอนชอน ชิกเก้น (BonChon Chicken) ตัวแทนร้านอาหารแนวใหม่สไตล์เกาหลีและร้านเคลลี่ บาย ออเดรย์ (Kelly by Audrey)ตัวแทนร้านอาหารนานาชาติ ผสานบรรยากาศเฟรนช์วินเทจ โดยทั้ง 5 ตัวอย่างธุรกิจนี้ เป็นร้านที่มีความโดดเด่นทางด้านดีไซน์การตกแต่งที่ไม่เหมือนใคร จึงเหมาะกับการเป็นตัวแทนของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมต่าง ๆทั้ง กิน ดื่ม เที่ยว หรือออกกำลังกายภายในสถานที่ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยงานศิลปะโดยสยามฟิวเจอร์ฯ ตั้งเป้าหมายว่า การพลิกโฉมครั้งใหญ่ของศูนย์การค้าเอสพละนาด รัชดา ด้วยเม็ดเงินลงทุนทั้งหมดกว่า 40 ล้านบาท จะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยภายในสิ้นปี พ.ศ. 2557 นี้ คาดว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 30% และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้กว่าวันละ 4,000 คน พร้อมตั้งเป้าขยายศูนย์การค้าในเครือสยามฟิวเจอร์เพิ่มขึ้นอีก1 – 3 แห่งต่อปีโดยขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการคัดเลือกทำเลที่เหมาะสมต่อการลงทุน
นายนพพร วิฑูรชาติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)กล่าวว่าบริษัท สยามฟิวเจอร์ ได้เริ่มดำเนินโครงการเอสพละนาด รัชดาภิเษก มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 และได้เปิดให้บริการลูกค้าอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2550 โดยมีลักษณะเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ (Community Mall)ที่เน้นการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Arte-tainment Avenue” หรือศูนย์ศิลปะบันเทิงแห่งแรกในเมืองไทย ซึ่งภายในศูนย์การค้าได้มีการแบ่งสัดส่วนของร้านค้าและธุรกิจความบันเทิงที่เชื่อมโยงกับศิลปะ 7 แขนง ประกอบด้วย ดนตรี ประติมากรรมภาพวาด วรรณกรรม โรงละครเพลง สถาปัตยกรรม และภาพยนตร์ ทั้งนี้ หลังจากการดำเนินงานมานานกว่า 7 ปี ในปีนี้ จึงถือเป็นนิมิตรหมายอันดีในการยกระดับศูนย์การค้าเอสพลานาดให้ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นผ่านคอนเซ็ปต์ใหม่คือ “The Best Art & Entertainment Complex” หรือการเป็นศูนย์กลางของศิลปะและความบันเทิงอันดับหนึ่งของเมืองไทย โดยได้ทุ่มงบประมาณกว่า 40 ล้านบาท ในการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ รวมทั้งได้มีการจับมือกับผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจชัดเจน สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย และมีดีไซน์การตกแต่งร้านที่นำมาเชื่อมโยงกับศิลปะทั้ง 7 แขนงดังกล่าวได้ ให้มาร่วมสร้างสีสันแก่ศูนย์การค้าเอสพละนาด รัชดา ให้มีความน่าสนใจ และยังเป็นการช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการจับมือกันของสยามฟิวเจอร์ กับพิพิธภัณฑ์อาร์ต อิน พาราไดซ์ในการดำเนินงานโครงการอาร์ต อิน พาราไดซ์ สาขากรุงเทพฯ ร่วมกันเป็นครั้งแรก บนพื้นที่ชั้น 4 ของศูนย์การค้าเอสพละนาด รัชดา ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ ในการผลักดันศูนย์การค้าฯ ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศิลปะเพื่อคนกรุงเทพฯ อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ จะ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับ 5 ธุรกิจใหม่ ได้แก่ วี ฟิตเนส โซไซตี้ บริหารงานโดยคุณฐนกฤตย์ สุรกิจบวร ร้านอาหารซับเวย์ บริหารงานโดย เดวิด ลิม ร้านง้วนหลังวัง บริหารงานโดย คุณวสุพจน์ ธนพลภัทรา ร้านบอนชอน ชิกเก้น บริหารงานโดยคุณธัญญา ศรีพัฒนาสกุล และร้านเคลลี่ บาย ออเดรย์ (Kelly by Audrey)บริหารงานโดยคุณแบม– จณิสตา จรูญสมิทธิ์ (ลิ่วเฉลิมวงศ์)ซึ่งทั้ง 5 ธุรกิจ เปรียบเสมือนตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมในสถานที่ที่ผ่านการตกแต่งอย่างมีสไตล์ และสามารถรองรับไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่ที่สนใจการใช้เทคโนโลยีในการอัพเดทกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะการแบ่งปันรูปถ่ายของตนเองกับสถานที่ที่ตนไปผ่านสื่อออนไลน์ธุรกิจทั้งห้าจึงมีส่วนช่วยยกระดับศูนย์การค้าให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลป์มากยิ่งขึ้นทั้งนี้ ปัจจุบัน ภายในศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา มีทั้งร้านค้าและธุรกิจบันเทิงหมดกว่า 120 ร้านและสามารถ1รองรับผู้มาใช้บริการได้กว่า10,000 คนต่อวัน โดยมีการคาดการณ์ว่า หลังจากการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ในปี 2557 นี้ ศูนย์การค้าฯ โฉมใหม่ จะสามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับศูนย์การค้า และนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นประมาณ 4,000 คนต่อวันและสร้างรายได้ให้กับศูนย์การค้าฯ กว่า 1 ล้านบาทต่อวัน
นายมินเจ คิม ผู้บริหารพิพิธภัณฑ์อาร์ต อิน พาราไดซ์สาขากรุงเทพฯกล่าวว่าพิพิธภัณฑ์อาร์ต อิน พาราไดซ์จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะในรูปแบบอินเตอร์แอ็คทีฟ อาร์ต (Interactive Art)โดยมีการเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าชมอยู่ก่อนแล้ว 2 สาขา คือสาขาพัทยาและสาขาเชียงใหม่ ส่วนสาขากรุงเทพฯ ถือเป็นสาขาล่าสุดที่มีการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การค้าเอสพละนาด รัชดาภิเษกกรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมของอาร์ต อิน พาราไดซ์สาขากรุงเทพฯ มีพื้นที่ประมาณ 2500 ตารางเมตร ในลักษณะพิพิธภัณฑ์สองชั้น ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 4 ของศูนย์การค้าฯ ประกอบด้วยผลงานภาพวาด 200 ภาพ โดยมีการแบ่งโซนจัดแสดงภาพออกเป็น 6 โซน ได้แก่ Aquarium & Safari (โซนโลกใต้สมุทร และโซนซาฟารี)Classic (โซนภาพคลาสสิก หรือภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลก)Fantasy (โซนแฟนตาซี) Nature(โซนธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ เช่น น้ำตก ปราสาทตะวันตก)Modern (โซนศิลปะแบบโมเดิร์น) และ Interactive Media (นิทรรศการมีเดียอาร์ตหรือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจำลองภาพให้เสมือนจริงที่ เช่น ทำให้คนตัวเล็ก หรือตัวใหญ่กว่าความเป็นจริง)ส่วนแนวคิดในการเปิดพิพิธภัณฑ์สาขากรุงเทพฯ ตนตั้งใจให้เป็นสถานที่รวมผลงานศิลปะแห่งความสุขสนุกสนานของคนเมืองโดยผู้ชมที่ก้าวเข้ามาที่นี่ จะได้พบประสบการณ์ความสุขและสนุกสนานไปกับการถ่ายภาพร่วมกับผลงานจิตรกรรมต่าง ๆ ที่ถูกวาดขึ้นมาอย่างสมจริงและมีมิติความลึกคล้ายกับภาพ 3 มิติการเปิดอาร์ต อิน พาราไดซ์ในกรุงเทพฯ จึงทำให้ผู้สนใจงานศิลปะที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่ต้องเดินทางไปไกล และยังสามารถใช้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งนัดพบและทำกิจกรรมสนุก ๆ ร่วมกันทั้งกับครอบครัว หรือเพื่อน ๆ ได้อีกด้วย นายมินเจ คิม กล่าวสรุป
นายฐนกฤตย์ สุรกิจบวร ผู้บริหารวี ฟิตเนส โซไซตี้กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจว่า วี ฟิตเนส โซไซตี้ สาขาเอสพละนาด รัชดา ชั้นM ชั้น 2และชั้น 3 นับเป็นสาขาที่ 3 ซึ่งใช้มูลค่าการลงทุนกว่า 120 ล้านบาท มีขนาดพื้นที่ให้บริการ 3,500 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ออกกำลังกาย 3,000 ตร.ม. พื้นที่สำหรับผ่อนคลาย และอื่นๆ กว่า 500 ตารางเมตรสามารถรองรับผู้มาใช้บริการได้วันละประมาณ 800 – 1,000 คน นอกจากนี้ วี ฟิตเนส โซไซตี้ ยังมีจุดเด่นที่แตกต่างจากฟิตเนสคลับอื่น ๆ เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่สำหรับคนรักสุขภาพหรืออยากออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังมีความโดดเด่นในด้านสไตล์การตกแต่งที่มีชีวิตชีวาในคอนเซ็ปต์ “Stylish Vitaliti Club” โดยฝีมือของอินทีเรียดีไซน์ระดับโลก ซึ่งจะช่วยมอบความรู้สึกสดชื่นและมีพลังให้กับผู้เข้ามาใช้บริการและยังสามารถตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพและชื่นชอบงานศิลปะสไตล์โมเดิร์นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามตนตั้งเป้าหมายว่า การเปิดให้บริการวี ฟิตเนสสาขาเอสพลานาด รัชดา จะช่วยให้ฐานสมาชิกรวมจากทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วจากประมาณ 4,000 คนเป็น 10,000 คนและจะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 7 สาขา ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2557 นี้
นางจณิสตา จรูญสมิทธิ์ (ลิ่วเฉลิมวงศ์) ผู้บริหารร้านเคลลี่ บาย ออเดรย์ และอดีตพิธีกรชื่อดังกล่าวถึงธุรกิจร้านอาหารของตน ภายใต้ความร่วมมือกับสยามฟิวเจอร์ ว่า เคลลี่ บาย ออเดรย์ สาขานี้ ถือเป็นร้านอาหารสาขาที่ 2 ซึ่งสาเหตุที่ตนตัดสินใจทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท เพื่อเปิดสาขาที่เอสพละนาด รัชดา เนื่องจากเป็นทำเลที่เหมาะสมกับบรรยากาศการตกแต่งของร้าน ซึ่งเน้นการใช้ศิลปะแนวเฟรนช์วินเทจ โดยผู้ที่แวะมาจะรู้สึกเหมือนกำลังได้รับประทานอาหารภายใต้บรรยากาศสไตล์ฝรั่งเศส และยังมีการเพิ่มลูกเล่นสนุก ๆ ให้กับร้าน เช่น การประดับตกแต่งด้วยอุปกรณ์ของใช้ หรือกรอบรูปดีไซน์สวย ๆ พร้อมด้วยสัญลักษณ์พิเศษรูปโบว์และมงกุฎที่ลูกค้าสามารถถ่ายรูประหว่างรอได้จึงถือเป็นไอเดียสนุก ๆ สำหรับนักชิม ที่อยากสัมผัสบรรยากาศใหม่ ๆ พร้อมกับเสพย์งานศิลป์ไปในตัว
ในส่วนของแผนการดำเนินงานปี พ.ศ. 2557ของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นอกจากจะมีการปรับโฉมของศูนย์การค้าเอสพละนาด รัชดาแล้ว บริษัทฯ ยังมีแผนในการขยายธุรกิจคอมมิวนิตี้มอลล์ภายในสิ้นปีนี้อีก 2 แห่งด้วยกัน โดยใช้งบประมาณราว ๆ 250 ล้านบาทพร้อมตั้งเป้าว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2556 ประมาณ 15% และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้ประมาณวันละ 80,000 คน โดยเน้นกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวันทำงาน เป็นหลัก ส่วนในปัจจุบัน สยามฟิวเจอร์ฯ เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ( ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ) กว่า7,172.31 ล้านบาท และยังคงเป็นผู้นำตลาดในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบคอมมิวนิตี้มอลล์ โดยเปิดมาแล้วถึง 29 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยขณะนี้ บริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 6% และมีอัตราการขยายตัวจากปีที่แล้ว ร้อยละ 15 อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายจะขยายศูนย์การค้าแบบเปิดหรือคอมมิวนิตี้มอลล์อีก1 – 3 แห่งต่อปี เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่นอกเมือง และผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งทั้งรายเล็กและรายใหญ่ซึ่งบริษัทฯ ได้ทำการคัดเลือกทำเลที่เหมาะสมต่อการลงทุนเอาไว้บ้างแล้ว และในระหว่างนี้กำลังรอการสรุปผลอย่างเป็นทางการ นายนพพร กล่าวสรุป