เอกอัครราชทูตไทยในปักกิ่งแนะรัฐ-เอกชนรุกขยายยอดนักท่องเที่ยวจีน ใช้กลยุทธ์สานสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดียสร้างตลาดที่ยั่งยืน

ศุกร์ ๐๗ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๔ ๑๖:๐๔
เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง นาย วิบูลย์ คูสกุล แนะภาครัฐ-เอกชนไทยเตรียมพร้อมรับอานิสงส์จากการขยายตัวของปริมาณนักท่องเที่ยวจีนซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน (China National Tourism Administration) ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวเป็นปีละ 200 ล้านคนภายในปี พ.ศ. 2563 หรือ ค.ศ. 2020 พร้อมทั้งชี้ว่าไทย ไต้หวัน และเกาหลีใต้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน

”กลยุทธ์สำคัญคือการ ‘เข้าถึง’ นักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลเหล่านั้นด้วยสิ่งที่เรียกกันว่า‘สื่อวัฒนธรรม’ หรือ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่เกิดจากการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม เพราะไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ถ้าเขาชอบประเทศไทย ชอบอาหารและผลไม้ไทย ชอบภาพยนตร์และดาราไทย เขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจไปเป็นอื่น ยิ่งถ้าเราทำบรรยากาศทางการเมืองให้ดี พยายามเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรม สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชนชาวจีน ผลที่เกิดจะดีมากๆเพราะจะส่งผลไปถึงเรื่องอื่นๆทั้งการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน และอื่นๆ”

ท่านทูตได้แนะนำให้ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดใจกลุ่มผู้บริโภคจีนยุคใหม่ เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และในงบประมาณที่ต่ำที่สุด โดยชี้ว่าประชากรผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของจีนตอนนี้มีอยู่ถึงกว่า 600 ล้านคน นับเป็น “ปรากฎการณ์ Netizen” ที่ส่งอิทธิพลไปทุกๆด้าน

“โจทย์อินเทอร์เน็ตนับเป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศจีนในปัจจุบัน รัฐบาลจีนจึงให้ความสำคัญกับประชากรชาวอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก และถือว่าความเห็นของคนเหล่านี้คือมติมหาชนที่ต้องรับฟังก่อนที่จะกำหนดนโยบายของประเทศ ทุกวันนี้คนจีนรุ่นใหม่หันมานิยมซื้อสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยมูลค่าการซื้อขายของ e-commerce ของจีนเติบโตไม่หยุดยั้ง ตอนนี้อยู่ที่190-210 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ คาดว่าต่อไปจะแซงหน้าอเมริกาซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 210-230 พันล้านเหรียญสหรัฐ”

ท่านทูตย้ำว่า เพื่อให้สอดรับกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไปของจีนยุคปัจจุบันเมื่อชาวชุมชนออนไลน์หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่กำลังกลายเป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนประเทศจีน จึงได้ใช้กลยุทธ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในคอนเซ็ปต์ใหม่ เช่นเปิดแฟนเพจประเทศไทยขึ้นใน ‘เหว่ยโป๋ว’ หรือ www.weipo.com ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียแบบเดียวกับ facebook“ และปรากฏว่าได้รับความนิยมสมัครอย่างรวดเร็วสมัครเป็นแฟนคลับกว่า 41,000 คน โดยทางสถานทูตได้มอบหมายให้มีเจ้าหน้าที่คอยสื่อสารตรงและปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับจำนวนหลายหมื่นคนนี้ตลอดเวลา พร้อมจัดกิจกรรมโดนใจเพื่อสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นการสานความสัมพันธ์ไทย-จีนต่อไปในอนาคต

สถานทูตได้จัดงานยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี 2556 สามงานต่อเนื่อง เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทยในหมู่คนรุ่นใหม่ชาวจีนและนานาชาติโดยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานวันชาติไทยเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา 5 ธันวาคม 2556 ณ โรงแรม เจ ดับลิว แมริออท ต่อเนื่องกับงาน ASEAN Ladies’ Meeting พร้อมการแสดงผ้าไทยจากโกมลผ้าโบราณ และ “เทศกาลไทย” ที่เต็มเปี่ยมสีสันทั้งในเรื่องของอาหารไทย ผลไม้ไทยและการแสดงทางวัฒนธรรมจาก “คิดบวกสิปป์” ซึ่งได้รับเกียรติบุคคลระดับผู้นำของฝ่ายจีน ได้แก่ นายเซี่ย หังเซิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐประชาชนจีนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศสำคัญอื่น ๆ รวมทั้งอดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ตลอดจนประชาชนชาวไทยในปักกิ่ง และที่สำคัญคือกลุ่มแฟนคลับคนจีนรุ่นใหม่อีกหลายร้อยคนเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

ท่านทูตให้ข้อมูลอีกว่า ประเทศจีนมีขนาดเศรษฐกิจเป็นที่สองของโลก เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งและคู่ค้าสำคัญอันดับสองของไทย (รองจากญี่ปุ่น) ในปี 2555 จีนมีมูลค่าการค้ากับไทยสูงถึง 69,744 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ และมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 2.78 ล้านคน โดยใน10 เดือนแรกของปี 2556 ที่ผ่านมาได้มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวเมืองไทย 3.3 ล้านคน

ตลอดเกือบ 40 ปีที่ผ่านมาของความสัมพันธ์ไทย-จีน ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่สถานทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการส่งเสริมและสร้างสายสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศผ่าน “Soft Power” ที่ท่านทูตวิบูลย์ริเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2555 และยังจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมไทยในประเทศจีนซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ Soft Power ของไทยที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์และเปิดใช้ได้ภายในปีนี้ นับเป็นแนวปฎิบัติที่ฉีกรูปแบบออกไปจากเดิมที่เน้นความร่วมมือทางการเมืองหรือด้านความมั่นคงเป็นสำคัญ

ท่านทูตกล่าวว่า รัฐบาลจีนตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2020 จะเพิ่ม GDP จาก 5,000 กว่าเหรียญเป็นสองเท่า และเพิ่มชนชั้นกลางให้เป็นครึ่งหนึ่งของประชากรซึ่งในขณะนั้นคงจะเป็น 1,500 ล้านคน ปัจจุบันจีนมีชนชั้นกลางกว่า 300 ล้านคน จึงนับเป็นโอกาสของประเทศไทยที่กระแสวัฒนธรรมกำลังมาแรง ทั้งในเรื่องของอาหาร ผลไม้ ภาพยนตร์ ดารา ละคร เพลงไทยและมวยไทยซึ่งคนจีนรุ่นใหม่กำลังให้ความสนใจอย่างยิ่ง

“คนจีนรุ่นเก่ามักจะมองว่า จีน-ไทยนั้นไม่ใช่อื่นไกล คือพี่น้องกัน แต่ผู้บริโภคชาวจีนยุคใหม่ มองเพียงว่าถ้าคุณมีอะไรที่เหนือคนอื่นเขาก็ยินดีที่จะจ่าย ประเทศไทยมีจุดเด่นมากมาย เราจึงมีโอกาสทางธุรกิจมากมายมหาศาล ขอเพียงพยายามเรียนรู้ ทำความเข้าใจและออกไปใกล้ชิดกับคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต” ท่านทูตวิบูลย์ย้ำหนักแน่น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO