นายฮาเรน ชาห์ ผู้อำนวยการและนักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส บริการบริหารความมั่งคั่ง ซิตี้เอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า “ด้วยสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังฟื้นตัวอยู่ในขณะนี้ เราจึงคาดว่าโอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ดูจะสดใสยิ่งขึ้น”
“การที่ธนาคารกลางสหรัฐจะค่อยๆ ทยอยลดวงเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดการเงิน และอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าโอกาสจะเกิดขึ้นในที่ใดบ้าง” นายชาห์ กล่าวถึงประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐได้ทยอยปรับลดวงเงินในการรับซื้อคืนพันธบัตรลง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมกราคม และจะลดลงอีก 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ ทั้งนี้ ซิตี้คาดว่าภาวะตลาดผันผวนอันเนื่องมาจากมาตรการนี้ของธนาคารกลางสหรัฐจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเท่ากับที่เกิดขึ้นในปี 2556 และยังระบุอีกว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 โดยอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ประมาณ 6% และอัตราเงินเฟ้อมากกว่า 1.5%
นักวิเคราะห์ของซิตี้ คาดว่าอัตราเร่งของการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง หรือ เรียลจีดีพี ของทั่วโลกอยู่ในระดับที่พอประมาณ โดยจะเพิ่มขึ้นจาก 2.4% ในปี 2556 เป็น 3.1% ในปี 2557 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ขณะที่การเติบโตในตลาดที่พัฒนาแล้วจะเพิ่มขึ้นจาก 1.1% ในปี 2556 มาอยู่ที่ประมาณ 2.0% ในปี 2557 นี้ โดยเศรษฐกิจสหรัฐและอังกฤษจะเติบโตประมาณ 3% ในปี 2557 - 2558 ในทางกลับกัน ญี่ปุ่นจะมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 2557 นี้ อันเป็นผลมาจากการปรับขึ้นภาษีผู้บริโภคนั่นเอง
การเติบโตของตลาดเกิดใหม่อาจจะเติบโตแซงหน้าการเติบโตของ ตลาดที่พัฒนาแล้วต่อไปในปี 2557 นี้ เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาทุกปีนับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ช่องว่างการเติบโตระหว่างตลาดเกิดใหม่กับตลาดที่พัฒนาแล้วในปี 2557 นี้จะหดแคบลงกลายเป็นช่องว่างที่แคบที่สุดนับตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา ขณะที่การเติบโตของตลาดประเทศพัฒนาแล้วจะยังคงเดินหน้าเติบโตในแบบที่ไม่สอดคล้องกับตลาดเกิดใหม่ ซึ่งซิตี้ตั้งข้อสังเกตว่าประเทศจีนอาจจะสามารถเอาตัวรอดจากการถดถอยของเศรษฐกิจได้ด้วยอัตราการเติบโตที่คงที่อยู่ในระดับที่เหนือกว่า 7%
ในส่วนของโอกาสในการลงทุนในหุ้น ซิตี้คาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้นทั่วโลกจะเติบโตประมาณ 7% ในปี 2557 นี้ และยังพยากรณ์ว่าดัชนี MSCI World Index ของโลกจะไปอยู่ที่ 450 จุด ภายในสิ้นปี 2557 นี้ ซึ่งความเสี่ยงหลักๆ สำหรับการลงทุนในหุ้นของตลาดเกิดใหม่ ยังคงเป็นนโยบาย QE Tapering หรือการปรับลดเม็ดเงินที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการ QE ของสหรัฐฯ นั่นเอง
“ในสหรัฐ เรายังคงเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตและหดตัวไปพร้อมกับวงจรเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามเราชอบเน้นลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่นมากกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ เพราะยังมีสภาพคล่องที่พอเพียง” นักวิเคราะห์ของซิตี้ กล่าว
ส่วนในภูมิภาคยุโรป ซิตี้ชอบลงทุนในตลาดหลักมากกว่า ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เช่น สหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศส
ส่วนตลาดเกิดใหม่ ซิตี้ยังคงชอบตลาดเอเชียตอนเหนือ เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลี ซึ่งราคาหุ้นยังคงมีราคาถูก และเป็นตลาดหลักที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
นักวิเคราะห์ของซิตี้ กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดพันธบัตร ซิตี้ยังคงลดน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ แต่เมื่อพิจารณาภายในกรอบของพันธบัตรแล้ว ซิตี้ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรที่เน้นให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากการลดลงของความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ แต่โดยภาพรวมแล้ว ในแง่ของการจัดสรรสินทรัพย์ทางการลงทุน ซิตี้แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุตราสารสั้นเป็นหลัก
มุมมองการลงทุนของซิตี้สำหรับปี 2557 นี้ยังคงมีมุมมองเป็นกลางถึงเชิงลบในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ถึงแม้ภาวะการณ์ อาจค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ทั้งในตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความเสี่ยงตามฤดูกาลและความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยอาจเป็นตัวผลักดันให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นได้
นักวิเคราะห์ของซิตี้เชื่อว่าโมเมนตัมการซื้อที่กลับมาเป็นเชิงบวกอีกครั้งในประเทศจีนอาจช่วยป้องกันไม่ให้ราคาขายส่งทองคำตกต่ำในปี 2557 นี้ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,255 เหรียญสหรัฐ ต่อ 1 ออนซ์ ในปีนี้
ซิตี้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.1% ในปีนี้ โดยที่ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ การใช้จ่ายที่ชะลอตัวและความไม่แน่นอนทางการเมืองจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตที่ชะลอตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือจีดีพี ทั้งนี้ ธนาคารคาดการณ์ว่าเป้าหมายของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 1,440 จุด