ซึ่งเงื่อนไขในแต่ละรอบของการจ่ายผลตอบแทน จะจ่ายผลตอบแทน โดยหาก ณ สิ้นวันใดวันหนึ่ง ในรอบ6 เดือน ราคาปิดดัชนี SET 50 Index เพิ่มขึ้นมากกว่า หรือเท่ากับ 20% ของราคาดัชนี SET 50 Index ต้นงวดในแต่ละรอบ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ1.33% ต่อ6 เดือน
แต่หาก ณ ทุกสิ้นวันในแต่ละรอบ 6 เดือน ราคาปิด ดัชนีราคา SET 50 Index เพิ่มขึ้น แต่ไม่ถึง 20% ของราคา ณ วันเริ่มต้นงวด ผู้ลงทุนมีโอกาสจะได้รับผลตอบแทนเป็นสัดส่วน 1 ใน3 ของอัตราเพิ่มของดัชนี SET 50 Index สูงสุดถึง 6.66% ต่อ 6 เดือน
อย่างไรก็ดี หากดัชนี SET 50 Index ปรับลดลง ณ วันสิ้นสุดรอบ 6 เดือน ของแต่ละรอบ และระหว่างงวดราคาปิดดัชนีราคา SET 50 Index เพิ่มขึ้นน้อยกว่า 20% ของราคา ณ วันเริ่มต้นงวด ผู้ลงทุนยังคงมีโอกาสรับผลตอบแทนในงวดถัดไป และได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน ในสิ้นรอบสุดท้ายของการลงทุน
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าว เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทน ในทิศทางเดียวกับการลงทุนในตราสารทุน สูงสุดไม่เกิน 6.66% ต่องวด โดยเงินต้นยังคงอยู่ในระดับความเสี่ยง เทียบเท่าการลงทุนในตราสารหนี้ และเงินฝากที่กองทุนลงทุนเท่านั้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มอีก1 ทางเลือก โดยการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 116
( KTSUPB116 ) เสนอขายวันที่ 12-18 กุมภาพันธ์ 2557 อายุ 6 เดือน มูลค่า 7,000 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนในเงินฝาก Bank of China , China Construction Bank , MTN ออกโดย ICBC Asia Ltd. , MTN ออกโดย Banco BTG Pactual ในสัดส่วน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ / ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน และบริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี โดยเงินลงทุนในต่างประเทศ จะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับจะไม่เสียภาษี
สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้จะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยที่จะกระทบตลาดในระยะสั้นยังคงเป็นเรื่องของความไม่มั่นคงทางการเมืองและกระแสเงินทุนที่ไหลออกยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ เนื่องจากการที่สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขนาดการลดมาตรการ QE อย่างต่อเนื่องรวมถึงแนวโน้มที่ประเทศไทยมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินบาทมีความน่าสนใจลดลง ทำให้นักลงทุนต่างประเทศถอนการลงทุนในตราสารหนี้ไทย โดยเฉพาะหากเกิดสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองอาจเกิดแรงขายในตราสารหนี้เพื่อลดความเสี่ยง โดยมีปัจจัยบวกได้แก่ ปริมาณพันธบัตรรัฐบาลที่จะเปิดประมูลในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2557 ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ โดยส่วนใหญ่เป็นตราสารในระยะยาวกว่า 10 ปี จึงทำให้คาดว่าอัตราผลตอบแทนจะปรับขึ้นในระดับจำกัด ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า จะการการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งต่อไป จากปัญหาการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทยมีการทบทวนปรับประมาณการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2557 ที่เดิมคาดว่าจะโตร้อยละ 4 เหลือเพียง 3%
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนของตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีคุณภาพดี เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้ระดับ Investment Grade มีการปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความต้องการในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ Developed Market ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าในตลาด Credit ต่อเนื่อง และฝ่ายวิจัยของบลจ.กรุงไทย ได้ประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไว้ที่ 1,450 จุด