เปิดตัวโครงการรากเทียมสำหรับยึดติดอวัยเทียมบนใบหน้าลดปมด้อยคืนสู่สังคมอย่างภาคภูมิ

มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ หน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีทางทันตกรรมชั้นสูง (ADTEC) ภายใต้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง “รากเทียมสำหรับอวัยวะเทียมบนใบหน้า” โดยมีศ.(พิเศษ) ทญ.ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ประธานกรรมการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด

ศ.(พิเศษ) ทญ.ท่านผู้หญิงเพ็ชรา กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่งานวิจัยและพัฒนารากเทียมสำหรับยึดติดอวัยวะเทียมบนใบหน้า สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ศูนย์เทคโนโลยีทางทันตกรรมชั้นสูง ภายใต้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหวิทยาลัยสงขลานครินทร์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง จนได้ผลิตภัณฑ์ต้นแบบรากเทียมสำหรับยึดติดอวัยวะเทียมบนใบหน้า เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน

ศ.(พิเศษ) ทญ.ท่านผู้หญิงเพ็ชรา กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้นอกจากจะมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ในกลุ่มนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรง ตลอดจนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีรากเทียมสำหรับยึดติดอวัยวะเทียมบริเวณใบหน้าที่พัฒนาขึ้นในประเทศไทยแล้ว ยังได้เผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านงานวิจัยและพัฒนาทางทันตกรรมด้วย

ด้าน ผศ.ทพ.วิจิตร ธรานนท์ ประธานคณะทำงาน ผู้จัดการโครงการพิเศษศูนย์เทคโนโลยีทางทันตกรรมชั้นสูง กล่าวว่า โครงการรากเทียมสำหรับยึดติดอวัยวะเทียมบริเวณใบหน้านี้ ดำเนินการขึ้นมาเพื่อที่จะมอบให้กับชาวไทยที่มีความพิการหรือได้รับอุบัติเหตุบริเวณศรีษะและใบหน้า ได้เข้ารับการรักษาด้วยรากเทียมสำหรับยึดอวัยวะเทียมบริเวณใบหน้าที่ได้มาตรฐานสากลและมีความปลอดภัยเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศ รากเทียมฯ ดังกล่าวได้ทำการออกแบบเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้งานและมีราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ผู้ด้อยโอกาสและยากจนสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยวิธีการใช้รากเทียมสำหรับยึดอวัยวะเทียมบริเวณใบหน้าได้อย่างเหมาะสม

“ขณะนี้ได้หารือกันในคณะทำงานฯว่า จะผลักดันโครงการดังกล่าวเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ ช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุทางศรีษะหรือใบหน้า ซึ่งเป็นผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากราคาในการรักษาค่อนข้างสูง จึงอยู่ระหว่างการหางบประมาณสนับสนุน และจะขยายผลทั่วประเทศโดยตั้งเป้าสามารถให้บริการประชาชนจำนวน 100-200 คน ทั้งนี้เพื่อคืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไทยได้อยู่ในสังคมอย่างภาคภูมิ” ผศ.ทพ.วิจิตร กล่าว