สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556

อังคาร ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๔ ๐๙:๑๗
นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอแถลงสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 ดังนี้

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 มีจำนวน 5,449,795.99 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 45.71 ของ GDP โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,827,070.35 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,084,988.05 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 536,902.90 ล้านบาท และ หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 834.69 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 56,355.96 ล้านบาท โดยหนี้ของรัฐบาลและหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้น 29,587.93 ล้านบาท และ 31,065.52 ล้านบาท ตามลำดับ และหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 4,297.49 ล้านบาท หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ นั้นไม่มีหนี้คงค้าง ทั้งนี้ รายละเอียดและสัดส่วนของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556

หนี้ของรัฐบาล

1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 34,087.93 ล้านบาท เนื่องจาก

1.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 192.23 ล้านบาท โดยผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 201.81 ล้านบาท ประกอบกับการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลงสุทธิ 9.58 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ หลังจากที่ทำการป้องกัน ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว

1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 33,895.70 ล้านบาท โดยเกิดจาก

- การกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 46,294.08 ล้านบาท

- การลดลงของตั๋วเงินคลังสุทธิ 13,766 ล้านบาท

- การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ 1,000 ล้านบาท

- การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อให้การรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อ จำนวน 338.63 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้า (สายสีน้ำเงิน จำนวน 326.49 ล้านบาท และสายสีเขียว จำนวน 12.14 ล้านบาท)

- การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อ จำนวน 28.99 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต)

1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 4,500 ล้านบาท เนื่องจากการชำระคืนต้นเงิน โดยแบ่งเป็น (1) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF 1) จำนวน 1,636.69 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2 และ (2) การชำระหนี้ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สองฯ (FIDF 3) จำนวน 2,863.31 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 1 ที่ได้รับจากการโอนสินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์

1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน

2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน

2.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 156.28 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 34.02 ล้านบาท ประกอบกับการเบิกจ่ายและชำระคืนสกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปหนี้เงินบาทเพิ่มขึ้นสุทธิ 190.29 ล้านบาท

2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 1,044.07 ล้านบาท เนื่องจาก

- การเคหะแห่งชาติไถ่ถอนพันธบัตร 500 ล้านบาท

- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ 544.07 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายต้นเงิน 640 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 1,184.07 ล้านบาท

2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน

2.2.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 1,349.25 ล้านบาท จากการชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ

2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 2,060.45 ล้านบาท เนื่องจาก

- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตร 1,003 ล้านบาท

- รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ 1,057.45 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายต้นเงิน 902.18 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ 1,959.63 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ต่างประเทศ

หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 4.98 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 20.62 ล้านบาท ประกอบกับการชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 25.60 ล้านบาท

3.2 หนี้ในประเทศ

หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 31,070.50 ล้านบาท เนื่องจาก

- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตร 3,000 ล้านบาท และ 1,000 ล้านบาท ตามลำดับ

- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้มีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้มากกว่าการชำระคืนต้นเงิน 35,070.50 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกจ่ายต้นเงิน 60,042.20 ล้านบาท และชำระคืนต้นเงิน 24,971.70 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

4. หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า

หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน 5,449,795.99 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 369,218.87 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.77 และหนี้ในประเทศ 5,080,577.12 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.23 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 5,294,196.59 ล้านบาท หรือร้อยละ 97.14 และหนี้ระยะสั้น 155,599.40 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.86 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ