นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า จากกรณีปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและการชุมนุมที่ยังคงมีความยืดเยื้อ ได้สร้างความผันผวนให้กับการลงทุนของไทยตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้การลงทุนในระยะสั้นยังคงมีความสุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ตามหากมองในระยะยาว สถานการณ์การลงทุนและเศรษฐกิจไทยยังคงมีความน่าสนใจและมีมุมมองในเชิงบวก โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2557 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งทางบลจ.กสิกรไทยมองว่าจะสามารถเติบโตได้ระหว่าง 2.2-3.7% เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่เติบโตได้ 2.60% โดยจะมีปัจจัยบวกจากการส่งออกซึ่งน่าจะขยายตัวได้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้เมื่อมองปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนของไทยเองยังคงมีการเจริญเติบโตที่ดี ผนวกกับอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ P/E Ratio ของตลาดหุ้นไทยที่ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ตลาดหุ้นไทยจึงยังคงมีความน่าสนใจ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย คาดการณ์ SET Index ปลายปีนี้ที่ประมาณ 1,420 จุด ซึ่งเมื่อเทียบกับระดับดัชนีในช่วงปัจจุบันแล้ว ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ลงทุนในกองทุน LTF และกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น จะเริ่มทยอยเข้าลงทุนตั้งแต่ต้นปีเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการเติบโตของตลาดหุ้นไทยในระยะยาวได้
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า สำหรับกองทุน LTF และ RMF ของบลจ.กสิกรไทยมีจุดเด่นอยู่ที่ความหลากหลายทางผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการทุกระดับเป้าหมายและความเสี่ยงของนักลงทุน โดยกองทุน LTF ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงอาจเลือกลงทุนในกองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว (KEQLTF) หรือ กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ที่มีการเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีด้วยมุมมองการลงทุนระยะยาว และมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนไปตามสถานการณ์ที่เหมาะสมต่อภาวะตลาดในแต่ละช่วง ขณะที่นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ลดลงมา สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล (K70LTF) ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน โดยนักลงทุนจะมีความเสี่ยงในหุ้นไม่เกิน 70% และสัดส่วนที่เหลือจะลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ภาครัฐ หุ้นกู้ และเงินฝากซึ่งมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น สำหรับกองทุนRMF ที่น่าสนใจและมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงปีที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น เพื่อการเลี้ยงชีพ (KGARMF) ที่มีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยลงทุนทั้งตราสารหนี้และหุ้นในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก จึงทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาวสูงขึ้นด้วย แต่มีความเสี่ยงที่น้อยกว่า และเหมาะสำหรับการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ
“สำหรับนักลงทุนที่อาจจะไม่มีเวลาในการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหรือข่าวสารที่อาจกระทบต่อตลาด ควรมีกลยุทธ์ในการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง โดยบลจ.กสิกรไทยแนะนำวิธีหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนใน LTF และ RMF คือการลงทุนแบบเฉลี่ยราคา (Dollar Cost Averaging) โดยการแบ่งเงินเป็นจำนวนเท่ากันเพื่อซื้อกองทุนตามกำหนดเวลาอย่างสม่ำเสมอ เช่นเป็นรายเดือน หรือรายไตรมาส เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาหน่วยลงทุนและความเสี่ยงจากการจับจังหวะการลงทุนลง นอกจากนี้การทำ Dollar Cost Averaging ยังเป็นการช่วยให้ผู้ลงทุนมีวินัยในการลงทุนเพื่อซื้อหุ้นจำนวนมากเมื่อหุ้นตกและซื้อจำนวนน้อยในตอนหุ้นขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนที่ทราบเป้าหมาย และความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง จะสามารถเลือกนโยบายการลงทุนได้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด” นายประเสริฐกล่าว
“นอกจากนี้การทยอยเข้าซื้อกองทุน LTF และ RMF ที่เน้นลงทุนในหุ้น ตั้งแต่ช่วงต้นปี ไม่เพียงเป็นประโยชน์ในแง่ที่ผู้ลงทุนจะได้ซื้อกองทุนด้วยต้นทุนที่ประหยัดกว่าการซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของปีที่ราคาหุ้นมักปรับตัวสูงขึ้นมากเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสดีที่จะได้รับโปรโมชั่น Cash Back จาก บลจ.กสิกรไทย โดยลูกค้าสามารถสะสมยอดซื้อกองทุน LTF-RMF และโอนย้ายกองทุน LTF-RMF จากบลจ.อื่นๆมาที่เราได้ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. – 30 ธ.ค. 2557 เพื่อโอกาสรับ Cash Back รวมสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท ต่อท่าน” นายประเสริฐกล่าวในที่สุด
ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน LTF-RMF ของ บลจ. กสิกรไทย สามารถขอรับหนังสือชี้ชวน และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888