การประชุมระดับปลัดกระทรวงการคลังเอเปค (APEC Finance Deputies’ Meeting)

ศุกร์ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๔ ๐๙:๓๔
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมระดับปลัดกระทรวงการคลังเอเปค (APEC Finance Deputies’ Meeting : APEC FDM) ระหว่างวันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ 2557 ณ เมืองโป๋อ้าว มณฑลไหหลำ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายซื่อ เย่า บิน (Shi Yao Bin) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้หารือในประเด็นด้านเศรษฐกิจและการเงินการคลังที่สำคัญ เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปคในเดือนกันยายน พ.ศ. 2557 สรุปได้ดังนี้

1. การหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและภูมิภาคเอเปค โดยที่ประชุมเห็นพ้องว่าเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในกลุ่มเขตเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตาม กลุ่มเขตเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนายังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย ที่ประชุมมีความเห็นว่าสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคควรดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเปคนั้น APEC Policy Support Unit ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยด้านนโยบายของสำนักเลขาธิการเอเปคได้กล่าวว่า เขตเศรษฐกิจเอเปคเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีข้อสังเกตว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา การค้าระหว่างประเทศเริ่มมีบทบาทน้อยลงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งสาเหตุประการหนึ่ง ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของอุปสรรคด้านนโยบายกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ สมาชิกเขตเศรษฐกิจต้องเน้นการเพิ่มผลิตภาพของแรงงาน (Labour Productivity) ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะแรงงานในกลุ่มเขตเศรษฐกิจเอเปคที่กำลังพัฒนา

2. ที่ประชุมได้หารือถึงประเด็นด้านการระดมทุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเห็นว่าเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเปคยังต้องเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจากการศึกษาของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asia Development Bank: ADB) พบว่าภูมิภาคเอเปคมีความต้องการเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่ำ 8 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านการคลังของภาครัฐในเขตเศรษฐกิจต่างๆ การระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกในการระดมทุนที่ได้รับความสนใจ และมีการดำเนินการในหลายเขตเศรษฐกิจเอเปค นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือการระดมทุนจากแหล่งเงินทุนอื่นๆ ที่เขตเศรษฐกิจเอเปคสามารถนำไปพิจารณา อาทิ การระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Funds) นักลงทุนสถาบัน (Institutional Investors) กองทุนบำนาญ (Pension Funds) หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Funds) รวมทั้งส่งเสริมให้มีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเอื้อต่อภาคเอกชนในการลงทุนร่วมกับภาครัฐ และลดความเสี่ยงที่ภาคเอกชนจะได้รับจากการลงทุน ในการนี้ หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้เสนอว่า เนื่องจากประเด็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และ PPP มีการหารืออย่างกว้างขวางในหลายเวทีการประชุมระดับพหุภาคี และเพื่อหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อน จึงควรมีการประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การประชุมหารือเกิดประโยชน์สูงสุด

3. ที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิรูปนโยบายการคลังและภาษีเพื่อการปรับโครงสร้าง ทางเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการปฏิรูปนโยบายการคลังที่รักษาวินัยการคลัง โปร่งใส และมีความยั่งยืนทางการคลัง ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยั่งยืน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันการลดความยากจน และความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้ นอกจากนี้ ที่ประชุมเน้นความสำคัญของการวางแผนนโยบายการคลังและงบประมาณแบบระยะปานกลางและระยะยาวแทนการวางแผนประจำปี ในขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับการออกแบบนโยบายทางภาษี และนโยบายการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม

4. การหารือเกี่ยวกับความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพของการบริการทางการเงินเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจจริงในภูมิภาค โดยที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการพัฒนาการเข้าถึงบริการทางการเงินของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ผลิตวัตถุดิบในห่วงโซ่อุปทานผ่านสินเชื่อธนกิจ รวมถึงนวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยลดความเสี่ยงของผู้กู้ยืมที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการเงินเพื่อประกันความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติ และการดำเนินโครงการประกันภัยพืชผลทางการเกษตร

5. ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าของมาตรการริเริ่มต่างๆ ภายใต้กรอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ได้แก่ ความคืบหน้าของโครงการบริหารจัดการกองทุนภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดน (Asia Region Funds Passport: ARFP) เพื่อส่งเสริมการรวมตัวของตลาดทุนภายในภูมิภาค และความคืบหน้าของการประชุม Asia Pacific Financial Forum และการประชุม Asia Pacific Infrastructure Partnership (APIP) และรับทราบแผนการดำเนินการของกรอบภายใต้กระบวนการดำเนินงานของกระทรวงการคลังเอเปคในปี 2557

6. นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 นายสมชัยฯ ได้หารือทวิภาคีกับ Mr. Robert Dohner, Assistance Deputy Secretary for Asia, U.S. Treasury ในประเด็นนโยบายเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยสหรัฐอเมริกาได้แสดงความกังวลต่อผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งนายสมชัยฯ ได้ชี้แจงว่า ผลกระทบจะไม่รุนแรงหากสถานการณ์ทางการเมืองสามารถคลี่คลายได้ในระยะสั้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่งอยู่มาก สำหรับประเด็นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นาย Dohner ได้ชี้แจงว่า การปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing Tapering: QE Tapering) ครั้งล่าสุด เป็นสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และคาดว่ามาตรการการปรับลด QE ในอนาคตจะขึ้นอยู่กับสถานะของตลาดแรงงานสหรัฐฯ

7. ในวันที่ 19-20 กุมภาพันธ์ 2557 นายสมชัยฯ ได้เข้าร่วมการสัมมนาในหัวข้อนโยบายทางการคลังและภาษีเพื่อการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยหนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจคือ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยผู้แทนขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) ได้นำเสนอแนวทางการปฏิรูปการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น การประกวดราคาที่โปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างกว้างขวาง การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการลดขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างและมีระบบการจัดเก็บข้อมูลและการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ

อนึ่ง การประชุม APEC Finance Deputies’ Meeting ครั้งนี้ มีปลัดกระทรวงการคลังหรือผู้แทนของเขตเศรษฐกิจเอเปคที่เข้าร่วมการประชุมทั้งหมด 21 เขตเศรษฐกิจ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

สำนักนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร. 02-2739020 ต่อ 3607

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO