บล.เออีซี ปิดดีล จับคู่ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ เซ็น MOU ร่วมลงทุนพลังงานทดแทน มูลค่ากว่า 9 พันลบ.

จันทร์ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๔ ๑๕:๑๑
บิ๊ก AEC เผยมีดีลในมือรอให้บริหารอีกหลายหมื่นล้านในปีนี้/Q1/57 เปิดสาขาครบ 9 แห่ง

ประพล มิลินทจินดา” หัวเรือใหญ่ บล.เออีซี ดึง 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ เซ็น MOU ร่วมลงทุนโครงการพลังงานทดแทน(กังหันลม) ยาวที่สุดในเอเชียอาคเนย์กว่า 60 กิโลเมตร มูลค่าลงทุนประมาณ 9 พันล้านบาท ระบุตอนนี้ AEC มีดีลในมือให้บริหารอีกหลายหมื่นล้านบาทในปีนี้ เล็งจัดตั้งกองทุน REIT-ไอพีโอ 4 บริษัท และพร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคอาเซียนด้านการลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ ล่าสุดเดินหน้าเปิดสาขาแล้ว 5 แห่ง และภายในไตรมาสแรกนี้จะมีสาขารวมเป็น 9 สาขา ตามแผนเตรียมขยายอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึง

นายประพล มิลินทจินดา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ประสบความสำเร็จในการดึง 2 บริษัทชั้นนำของประเทศ เข้าร่วมเจรจาในการร่วมลงทุน เพื่อดำเนินธุรกิจก่อสร้างและบริหารจัดการโครงการพลังงานทดแทน (กังหันลม) มูลค่าลงทุนประมาณ 9 พันล้านบาท

“การเข้าร่วมเจรจาในการร่วมลงทุนโครงการพลังงานทดแทนของทั้ง 2 บริษัทชั้นนำ ถือเป็นความภาคภูมิใจครั้งสำคัญและเป็นการบรรลุวัตถุประสงค์ในเบื้องต้นของบริษัทที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยใช้แผนการพัฒนาและต่อยอดแบบครบวงจร ด้วยกลยุทธ์การเชื่อมต่อกับ “พันธมิตรทางธุรกิจ” ในการรุกขยายงานทุกด้านเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน และล่าสุด เราได้ใบอนุญาตครบวงจร ซึ่งจะสามารถทำธุรกิจบริหารกองทุน รวมถึงธุรกิจร่วมลงทุน (Joint Venture) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะทำให้การดำเนินงานของบล.เออีซี มีความคลอบคลุมทางธุรกิจมากยิ่งขึ้นและยังเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัทในอนาคต อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะบุกตลาดต่างประเทศ โดยในเบื้องต้นวางแผนที่จะรุกสู่ กัมพูชา ลาว มาเลเซียและเวียดนาม จากนั้นจะขยายให้คลอบคลุมทั่วภูมิภาคอาเซียน ตามแผนนโยบายของบริษัท”

นายประพล กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน บล.เออีซี มีหลายโครงการที่จะเข้าไปดูแล คิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท มีทั้งการรับเป็นที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาฟื้นฟูปรับโครงสร้างและการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีระดับชั้นนำของประเทศ,ที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน และการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (IPO) โดยขณะนี้เริ่มมีดีลในมือแล้วประมาณ 4 บริษัท คาดว่าในปีนี้จะสามารถนำหุ้นใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้อย่างน้อย 2 บริษัท มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยอยู่ในกลุ่มอุตสาหรรมก่อสร้างและกลุ่มอาหาร นอกจากนี้ ยังมีงานที่ปรึกษาจัดตั้ง กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(Real Estate Investment Trusts : REIT) 2-3 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุดและให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง บล.เออีซี จึงมีแผนงานที่จะขยายสาขาให้คลอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค โดยที่ผ่านมาได้เปิดสาขาไปแล้วทั้งสิ้น 5 สาขา ได้แก่ สาขานครสวรรค์,สาขาสีลม,สาขาเชียงใหม่-ถนนมหิดล, สาขาซอยศูนย์วิจัย และสาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว และเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในไตรมาสแรกนี้จะมีสาขารวมเป็น 9 สาขา ซึ่งลักษณะการให้บริการของแต่ละสาขาจะเน้นงานบริการเหมือนสำนักงานใหญ่ โดยเฉพาะด้านที่ปรึกษาการลงทุน กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) เป็นต้น พร้อมกันนี้ บล.เออีซี วางเป้าหมายครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทย(Market share) ด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ อยู่ในอันดับ TOP5 ภายใน 3 ปีข้างหน้า

“บล.เออีซี พร้อมส่งเสริมนักลงทุนทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าที่อยู่ในตลาดทุน ให้มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคต พร้อมสร้างโอกาสให้กับกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ SME ในการหาแหล่งเงินทุน หรือการจัดตั้งกองทุน เพื่อให้เข้าถึงแหล่งทุนที่มีต้นทุนต่ำ และสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจเป็นฐานรากที่สำคัญของประเทศต่อไป”

เขากล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องการเพิ่มทุนของ บล.เออีซีว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวนไม่เกิน 487,633,408 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 487,633,408 หุ้น ซึ่งการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right offering : RO) จำนวน 168,816,704 หุ้น ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ (เศษของหุ้นให้ปัดทิ้ง) ควบกับ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (AEC-W2) โดยเสนอขายหุ้นใหม่ในราคาหุ้นละ 1 บาท พร้อมใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (AEC-W2) ในราคาหน่วยละ 0 บาท (ฟรี) อายุ 3 ปี อัตราส่วนการแปลงสภาพหุ้น 1 ต่อ 1 ราคาแปลงสภาพ หุ้นละ 2 บาท โดยในวันที่ 4 มีนาคมนี้ จะเป็นวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XR (ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน)

ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และช่วยสนับสนุนการเติบโตตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ โดยทุนของบริษัทฯที่เพิ่มขึ้น จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ ทำให้มีความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต ดังนั้นผู้ถือหุ้นที่ต้องการได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนต้องถือหุ้น AEC เอาไว้ในพอร์ตจนถึงวันที่ 6 มีนาคม 2557(Record date)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO