นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทสามารถในปี 2556 ที่ผ่านมาว่า “บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งรายได้และกำไรที่สูงสุดในรอบ 5 ปี โดยมีรายได้ 22,434 ล้านบาท เติบโตกว่าปีก่อนถึง 31 เปอร์เซนต์ กำไรสุทธิ1,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 36 เปอร์เซนต์ ด้วยผลประกอบการที่เป็นไปตามเป้าหมาย คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 56 ของ บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น, บมจ. สามารถเทลคอม และ บมจ. สามารถ ไอ-โมบาย ในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท , 0.75 บาท และ 0.11 บาท ตามลำดับ โดยบริษัทฯ ได้ทำการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในเดือนกันยายน 2556 เป็นจำนวน 0.35 บาท, 0.30 บาท และ 0.05 บาท และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลในส่วนที่เหลืออีก 0.45 บาท , 0.45 บาท และ 0.06 บาท ภายในเดือนพฤษภาคม 2557
ปี 2556 รายได้เข้าเป้าทั้งเครือ
โดยธุรกิจที่สร้างรายได้เติบโตสูงสุด คือ สายธุรกิจ Mobile – Multimedia โดย บมจ.สามารถไอ-โมบาย มีรายได้ปี 56 ทั้งสิ้น 10,300 ล้านบาท และมีกำไรพุ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี ถึง 807 ล้านบาท อันเป็นผลจากความสำเร็จในการขยายตลาด Smart Phone โดยมียอดขายถึง 1.7 ล้านเครื่อง จากจำนวนรวมของโทรศัพท์มือถือที่ขายได้ทั้งหมด 3.8 ล้านเครื่อง เท่ากับยอดขาย Smart Phone เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 223 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับปี 55 ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ราคาโดยเฉลี่ยต่อเครื่องปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 74 เปอร์เซนต์ จากประมาณ 1,500 บาท เป็น 2,600 บาท ส่วนธุรกิจคอนเทนต์มีผลประกอบการค่อนข้างคงที่ ในขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการ MVNO ภายใต้แบรนด์ i-Mobile 3GX ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 400,000 รายในปัจจุบัน และจากกระแส Smart Phone ที่ยังแรงต่อเนื่องและการขยายเครือข่าย 3G ซึ่งจะครอบคลุมมากขึ้น จึงมั่นใจว่ากลุ่มไอ-โมบายจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่โดดเด่นทั้งรายได้และกำไร โดยตั้งเป้ารายได้ปี 57 ไว้ที่ 13,000 ล้านบาท
สายธุรกิจ ICT Solutions & Services ภายใต้การนำของ บมจ. สามารถเทลคอม มีรายได้รวม 9,367 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 857 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยในปี 56 สามารถประมูลโครงการใหม่ๆ ได้กว่า 70 โครงการ มูลค่ารวม 7,107 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มีสัญญาต่อเนื่องและมีผลต่อการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้แก่กลุ่มสามารถ อาทิ โครงการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของกระทรวงยุติธรรม โครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติของกรมที่ดิน โครงการระบบเช็คอินผู้โดยสาร (CUTE) ที่สนามบินภูเก็ต เป็นต้น ปัจจุบัน บริษัทมีงานคงค้างในมือ (Backlog) มูลค่า 7,549 ล้านบาท โดยในปี 57 จะมุ่งเน้นการขยายบริการติดตั้งเครือข่าย เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ เช่น ระบบ Digital TV และ Digital Trunk Radio ตลอดจนการนำเสนอ ICT Solutions ที่สอดคล้องกับ Technology Trend อย่าง Cloud Computing, Big Data, Cyber Security และที่สำคัญ คือ การให้บริการระบบ ERP ซึ่งในปัจจุบัน ด้วยประสบการณ์ของ บริษัท พอร์ทัลเน็ท ซึ่งให้บริการระบบ ERP ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ก็สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ปี 57 ได้ตามเป้า คือ 11,000 ล้านบาท
สายธุรกิจ Technology Related Businesses ประกอบด้วยธุรกิจการผลิตเสาอากาศและจานดาวเทียม ธุรกิจกล้องวงจรปิด และธุรกิจ Call Center มีรายได้รวมกันกว่า 1,625 ล้านบาท โดยเฉพาะบริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 219 เปอร์เซนต์ จากโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดในกรุงเทพ ชลบุรี และหัวเมืองใหญ่อื่นๆ ในปี 57 นี้ จะเป็นปีทองของสามารถวิศวกรรมในการสร้างรายได้อย่างก้าวกระโดด ด้วยการจำหน่ายอุปกรณ์รับสัญญาน Digital TV ทั้ง Set top box และเสาอากาศ ทั้งในและนอกอาคาร ซึ่งคาดว่าจะจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านชุดในสิ้นปีนี้
สายธุรกิจ Utilities & Transportations แหล่งรายได้ประจำของกลุ่มสามารถ คือ ศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ บริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งมีรายได้ในปี 56 สูงถึง 1,079 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากจำนวนเที่ยวบินที่สูงขึ้นโดยเฉลี่ย 10 เปอร์เซนต์ทุกปี ส่วนโรงงานผลิตไฟฟ้ากัมปอต ก็มีรายได้ประจำประมาณปีละ 200 ล้านบาท และล่าสุดสำหรับการขยายธุรกิจด้านระบบสายส่งไฟฟ้า โดยมีบริษัท เทด้าเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก สามารถสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มกว่า 579 ล้านบาท โดยปัจจุบัน มีงานคงค้างในมือมูลค่าเกือบ 1,600 ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้น ล่าสุด บริษัท สามารถ ยูทราน ได้ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญาโครงการติดตั้งระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ แก่วิทยุการบินแห่งประเทศไทย มูลค่า 1,720 ล้านบาท
โอกาสทองต่อเนื่องของทุกสายธุรกิจ มั่นใจรายได้ทะลุเป้า 30,000 ล้าน
วัฒน์ชัย ทิ้งท้ายถึงการดำเนินธุรกิจในปีนี้ไว้ว่า “บริษัทเห็นโอกาสในการเติบโตของทุกสายธุรกิจ โดยธุรกิจไอ-โมบาย ปีนี้ ตั้งเป้าขาย Smart Phone จำนวน 2.8 ล้านเครื่อง และ Feature Phone จำนวน 1.2 ล้านเครื่อง รวมทั้งหมด 4 ล้านเครื่อง โดยชูจุดขายที่ความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพของเครื่องซึ่งสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง เช่น โทรศัพท์กันน้ำ บลูทูธสำหรับนักขับมอเตอร์ไซด์ โปรเจคเตอร์แบบพกพาสารพัดประโยชน์ เป็นต้น ด้านธุรกิจ MVNO ปี 57 ตั้งเป้าผู้ใช้บริการจำนวน 1.5 ล้านราย โดยเน้นกลยุทธ์ขายตรง (Direct Sale) และการใส่ซิมในโทรศัพท์ของไอ-โมบาย ส่วนธุรกิจคอนเทนต์ มุ่งขยายผลทางธุรกิจจากคอนเทนต์ที่มีอยู่ ครอบคลุมสื่อสิ่งพิมพ์ เว็บไซด์ และรายการ TV ทั้งในระบบ Cable และ ระบบ Digital ในอนาคต ส่วนธุรกิจ ICT ปี 57 มีแผนที่จะเข้าประมูลโครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เช่น โครงการติดตั้งระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) มูลค่า 3,000 ล้านบาท โครงการระบบเช็คอินผู้โดยสาร (Cute Outsource) มูลค่า 2500 ล้านบาท ของการท่าอากาศยานไทย (AOT) เป็นต้น โดยตั้งเป้าในการสร้างมูลค่างานในมือ ( Back log ) ไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาท
“เป้ารายได้รวมของกลุ่มสามารถปี 57 คือ 30,000 ล้านบาท ถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาด โดยเฉพาะ Smart Phone และ Digital TV ประกอบกับความพร้อมของบริษัทในการขยายงานด้านไอซีทีและเทคโนโลยีอื่นๆ ก็มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ”