นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัญหาหลักของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย คือการมีข้อจำกัดในการเข้าถึงตลาดใหม่ที่มีศักยภาพประกอบกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ธนาคารได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและพร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกสถานการณ์ จึงร่วมกับโพสต์ พับลิชชิง จัดงาน Post Today - K SME Expo ซึ่งได้ร่วมกันจัดเป็นปีที่ 4 และได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก สำหรับการจัดงานในปีนี้ มีขึ้นในวันพุธที่ 23 เมษายน ตั้งแต่เวลา 8.30 – 19.00 น. ณ ห้องบางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว ภายใต้ชื่อตอน Mega Business Matching โอกาส...คู่ค้า...ตลาดใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด และการสร้างยอดขายให้กับธุรกิจ เอสเอ็มอีโดยช่วยให้เอสเอ็มอีได้มีโอกาสในการพบคู่ค้าชั้นนำระดับประเทศ ที่พร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถขยับขยายธุรกิจก้าวไกลทั้งในและต่างประเทศ
ภายในงาน Post Today - K SME Expo 2014 ประกอบด้วยกิจกรรม 3 ส่วนหลัก ได้แก่ กิจกรรมจับคู่ธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าผ่านพันธมิตรที่ป็นช่องทางการจัดจำหน่ายขนาดใหญ่ 7 ช่องทาง ประกอบด้วย CP ALL, Ensogo, Loxley, Makro, Tesco Lotus, The mall และ TV Direct ที่จะช่วยขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศให้แก่เอสเอ็มอี นอกจากนี้ยังมี การให้องค์ความรู้ ด้วยหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการหรือผู้ที่เตรียมตัวเป็นเจ้าของกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก
ส่วนสุดท้ายคือ การให้คำปรึกษา สำหรับเอสเอ็มอีที่สนใจจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายขนาดใหญ่แต่ยังไม่พร้อมก็สามารถขอคำปรึกษาจากช่องทางการจัดจำหน่ายขนาดใหญ่ทั้ง 7 ช่องทางที่มาร่วมงาน และสามารถขอคำปรึกษาในการบริหารจัดการธุรกิจจาก สสว.และหอการค้าไทย ซึ่งเป็น 2 หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยมาโดยตลอด ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมจับคู่ธุรกิจ สามารถลงทะเบียนผ่าน www.ksmematching.com ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2557 หรือลงทะเบียนเพื่อร่วมเข้าฟังสัมมนา ได้ที่ 02-616-4404 หรือ 02-616-4447
นายพัชร กล่าวในตอนท้ายว่า งาน Post Today - K SME Expo 2014 เป็นมหกรรมการจับคู่ธุรกิจเพื่อเอสเอ็มอีไทยครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี คาดมีเอสเอ็มอี เข้าร่วมงานกว่า 200 ราย และสร้างมูลค่าการซื้อขายกว่า 2,000 ล้านบาท จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการที่ได้รู้จักคู่ค้าหรือพันธมิตรในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสให้เอสเอ็มอีไทยสามารถเติบโต ต่อยอดธุรกิจให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ