เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 57 นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องมือสื่อสารที่นิยมใช้กันมาก คือโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เนื่องจากสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทุกสถานที่ ทุกเวลาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งพฤติกรรมการเพ่งหน้าจอเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ใช้สายตามากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้เกิดปัญหาสายตาได้ เช่น ปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า สายตาสั้น หรือผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น อาการปวดหัว ปวดหลัง และเมื่อยคอ
สำหรับวิธีถนอมสายตา เมื่อใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเป็นระยะเวลานาน คือ ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ก้มคออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป พักสายตาเป็นระยะทุกครึ่งชั่วโมง ด้วยการทอดสายตาไปไกลๆ มองสิ่งของที่ห่างไปไม่น้อยกว่า 20 ฟุต หรือหลับตานิ่งๆ ประมาณ 5 นาที ไม่ฝืนอ่านตัวอักษรที่มีขนาดเล็กเกินไป ควรปรับขนาดตัวอักษรให้อ่านง่ายและสบายตา หลีกเลี่ยงการใช้งานหน้าจอในขณะอยู่บนยานพาหนะที่มีการสั่นสะเทือน ปรับความสว่างของหน้าจอให้สบายตา ไม่สว่างจ้าเกินไป ผู้ที่มีปัญหาสายตาผิดปกติ ควรมีแว่นที่เข้ากับค่าสายตา และเหมาะสมกับระยะในการมองหน้าจอ โดยอยู่ห่างจากศีรษะและสายตาประมาณ 30 เซนติเมตร ควรหาตำแหน่งในห้องหรือสถานที่ที่เรากำลังใช้งานหน้าจอให้แสงสว่างตกกระทบเฉียงๆ กับหน้าจอ เพื่อลดแสงสะท้อนรบกวนเข้าสายตาโดยตรง อย่าใช้งานหน้าจอติดต่อกันนานเกิน 1 ชั่วโมง ควรหมั่นพักสายตาและกะพริบตา อย่างน้อย 10-15 ครั้งต่อนาที
นอกจากนี้ นายแพทย์สุพรรณ ยังแนะต่ออีกว่า ควรสังเกตว่าการใช้งานหน้าจอนานเท่าใด ที่ทำให้รู้สึกตาล้าและมีตาพร่า กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อลดอาการตาแห้ง และหลีกเลี่ยงการใช้สายตานานๆ ในที่ที่มีอากาศแห้ง หรือลมพัดเข้าสู่ดวงตา ผู้ที่ทราบอยู่แล้วว่า ตาแห้ง หรือผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ ควรใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เมื่อต้องใช้งานหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตเป็นเวลานานๆ จะช่วยลดปัญหาตาแห้งได้ ที่สำคัญควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ต โดยการแบ่งเวลาทำกิจกรรมอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น พักผ่อน ออกกำลังกาย ทำงานบ้าน ไม่เพ่งอยู่กับหน้าจอนานๆ จะทำให้รักษาสุขภาพตาได้.
ข้อมูลจากไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/content/edu/407514
สนับสนุนข่าวดีดีจาก แบรนด์ วีต้า เบอร์รี่