นางสาวอาริศรา ธรมธัช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานธุรกิจภาครัฐ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงกับสำนักงานประกันสังคมในการให้บริการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคมแก่ผู้ประกันตนครบทั้ง 7 กรณี ทั้งกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ ตลอดจนกรณีว่างงาน ซึ่งกรณีล่าสุดคือการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ทั้งแบบเงินบำนาญชราภาพ และเงินบำเหน็จชราภาพนั้น ธนาคารได้เริ่มให้บริการงวดแรกเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และงวดต่อไปกำหนดจ่ายในทุกวันที่ 25 ของเดือน
“สำหรับการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้มีสิทธิรับเงินประโยชน์ทดแทนนั้น ธนาคารได้พัฒนาระบบงานเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเลขที่บัญชีเงินฝากกับเลขบัตรประจำตัวประชาชนก่อนทำการโอนเงินเข้าบัญชีอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกันตนเชื่อมั่นได้ว่าการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนมีความถูกต้องแม่นยำ และตรงเวลา”
นางสาวอาริศรา ธรมธัช กล่าวว่ามีผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่มีอายุเกิน 55 ปี ที่ได้รับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีบำนาญชราภาพจำนวนกว่า 130,000 คน โดย 70% รับเงินบำเหน็จ และอีก 30% รับเงินบำนาญ ซึ่งมียอดเงินรวมที่จะต้องจ่ายแก่ผู้ประกันตนประมาณ 8,000 ล้านบาท