แกรนท์ ธอนตันเผยผลสำรวจจำนวนผู้บริหารหญิง ในประเทศไทยยังคงเติบโต ในขณะที่ทั่วโลกยังคงซบเซา

จันทร์ ๑๐ มีนาคม ๒๐๑๔ ๑๐:๓๓
เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี รายงานผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติประจำปีของแกรนท์ ธอนตัน (The Grant Thornton International Business Report:IBR) เผยผลสำรวจทั่วโลกถึงบทบาทผู้หญิงในฐานะผู้บริหาร โดยผลสำรวจเผยว่า แม้จะมีข้อถกเถียงในเรื่องของสัดส่วนผู้หญิงที่เป็นผู้บริหารระดับสูงทั่วโลกต่ำกว่า 1 ใน 4 แต่ยังคงมีการสนับสนุนในเรื่องของจำนวนผู้หญิงในฐานะคณะกรรมการบริหารมีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมาตรการหลายอย่างในองค์กรที่ช่วยอำนวยความสะดวกในเส้นทางอาชีพของผู้หญิง

ในปี 2557 นี้ สัดส่วนของนักบริหารหญิงทั่วโลกมีเพียงร้อยละ 24ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกันกับในปี 2556, 2552 และ 2549 และมีเพียงแค่ร้อยละ 5 ของประเทศที่เข้าร่วมสำรวจ ที่มีจำนวนนักบริหารหญิงสูงกว่าร้อยละ 19 ซึ่งเป็นผลสำรวจที่ถูกบันทึกไว้เมื่อ 10 ปีก่อนในปี 25471โดยในแต่ละภูมิภาคเองก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญทีละน้อยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการเปลี่ยนแปลงที่ดี โดยมีถึง 3 ประเทศที่อยู่ใน 6 อันดับแรกของโลก ซึ่งประเทศอินโดนีเซียมีสัดส่วนของนักบริหารหญิงที่ร้อยละ41 ทะยานสู่อันดับ 2 ส่วนฟิลิปปินส์มีสัดส่วนถึงร้อยละ 40อยู่ในอันดับ 4 ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยสัดส่วนร้อยละ 38 ซึ่งเพิ่มจากปีก่อนเพียงเล็กน้อย

นางสุมาลี โชคดีอนันต์หุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชีของแกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทยให้ความเห็นว่า“ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยสำหรับประเทศไทยและอีกหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผู้หญิงจะอยู่ในบทบาทของผู้บริหารระดับสูงชาวเอเชียล้วนให้ความสำคัญกับครอบครัวอย่างมากและผู้หญิงมักจะมีบทบาทสำคัญในบ้านมาเสมอโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป โลกธุรกิจมีการเติบโตขึ้นบทบาทเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นความคุ้นเคยสำหรับผู้หญิงเรา แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงในบทบาทของผู้บริหารในไทยจึงกลายเป็นข้อพิสูจน์ และสิ่งเหล่านี้ยังคงแผ่ขยายไปทั่วอาเซียนเช่นเดียวกับที่เราเห็นโอกาสที่เพิ่มขึ้นจากกเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการในการจ้างงานมากขึ้นรวมถึงความจำเป็นในการเพิ่มความหลากหลายในที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง”

นางฟรานเชสก้า ลาเกอร์เบิร์กหัวหน้าสายงานบริการด้านภาษีทั่วโลกของแกรนท์ ธอนตัน กล่าวว่า "คงไม่มีใครปฎิเสธว่าการแสดงความเห็นที่หลากหลายมากขึ้นจะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่าในโลกธุรกิจการตัดสินใจที่ดีย่อมหมายถึงการเจริญเติบโตที่แข็งแกร่งดังนั้นองค์กรควรใส่ใจในการปูทางเพื่อส่งเสริมผู้หญิง ตั้งแต่ช่วงกำลังศึกษาไปจนถึงการก้าวสู่ตำแหน่งผู้บริหาร"

ผลการสำรวจฯ ยังแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนส่งเสริมให้มีสัดส่วนผู้หญิงในคณะกรรมการบริหารทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้น โดยร้อยละ 45 หรือเกือบ1 ใน 2 ของผู้บริหาร อยากเห็นจำนวนสัดส่วนคณะกรรมการบริหารที่เป็นผู้หญิงในบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ ซึ่งมากกว่าผลสำรวจในปี 2556ซึ่งมีแค่ร้อยละ 37 หรือแค่เพียง1 ใน 3 เท่านั้นโดยจุดที่น่าสนใจ คือสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสหภาพยุโรปจากร้อยละ33เป็นร้อยละ41 ในปีนี้ เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว (BRIC)ที่เพิ่มจากร้อยละ41 เป็นร้อยละ72 ในขณะที่การสนับสนุนยังคงสูงสำหรับประเทศในแถบลาตินอเมริกา(ร้อยละ68) และเอเชียแปซิฟิก (ร้อยละ 57) ส่วนกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมG7มีผู้ให้การสนับสนุนในเรื่องดังกล่าวอยู่ร้อยละ 33

"หลายประเทศทั่วโลก ต่างตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างความสมดุลย์ของสัดส่วนผู้บริหาร ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง แม้แต่ในประเทศญี่ปุ่น ที่แม้จะมีสัดส่วนของผู้บริหารหญิงเพียงแค่ร้อยละ 9รั้งอันดับสุดท้ายของผลสำรวจแต่กว่า 1 ใน 5ของผู้ถูกสำรวจต่างสนับสนุนการเพิ่มอัตราส่วนผู้หญิงในคณะกรรมการบริหารหรือมีแผนที่จะส่งเสริมให้กลายเป็นผู้บริหารระดับสูง ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีทั่วโลกสำหรับทีมบริหารที่มีความหลากหลาย" นางจุฬาภรณ์ นำชัยศิริ กรรมการผู้จัดการ – วาณิชธนกิจ ของแกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทยกล่าว

นางฟรานเชสก้า ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “เรื่องสัดส่วนดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยังต้องถกเถียงกัน แต่อาจเป็นเรื่องดีที่เราได้มาถึงจุดเปลี่ยนแปลงนี้และองค์กรธุรกิจจำเป็นต้องมีการผลักดัน หากเราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง”

"แต่องค์กรเองก็ยังสามารถออกมาตรการที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จากผลสำรวจของเราแสดงให้เห็นว่าโดยเฉลี่ยเพียงแค่ 1 ใน 5 ของนักศึกษาจบใหม่ที่เข้าทำงานทั่วโลกเป็นผู้หญิง หากคุณหวังที่จะเห็นสัดส่วนจำนวนที่เหมาะสมของผู้บริหารหญิงในอนาคตจากเด็กเหล่านี้ คุณก็ควรเพิ่มโอกาสในการรับเข้ามาให้มากขึ้น ซึ่งก็มองว่าเป็นข้อดีสำหรับธุรกิจ เพราะการมีตัวเลือกผู้สมัครจำนวนมาก ย่อมหมายถึงโอกาสที่มากขึ้นในการจ้างผู้ที่มีความสามารถ ตลอดจนสิ่งอื่นที่อาจทำได้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่พนักงานที่อาจมีครอบครัวและกลายเป็นคุณแม่ในอนาคต เช่น การยืดหยุ่นเวลาเข้าออกงานแม้จะเป็นสิ่งที่ดีแต่ก็อาจยังไม่เพียงพอ เราอาจต้องพิจารณาการให้ความสนับสนุนที่ชัดเจนสำหรับการช่วยดูแลเด็กด้วยหากยังอยากจะรักษาผู้หญิงที่มีความสามารถเอาไว้”

ทั้งนี้รายงานผลการสำรวจ ‘Women in business: from classroom to boardroom’ ฉบับเต็ม ท่านสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่www.internationalbusinessreport.com

[1]รายงานผลสำรวจ IBR ยังไม่ได้ครอบคลุมประเทศเศรษฐกิจอย่างบราซิล สาธาณรัฐประชาชนจีน และอินโดนีเซีย ในปี 2547

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version