“ดีโด้” พร้อมลุย AEC เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา 5 เรื่อง รุกน้ำผลไม้พร้อมดื่ม เล็งเป้าผู้นำตลาดเออีซีเต็มสูบ ทุ่มงบรวม 200 ล้านบาทเสริมแกร่ง ลั่นสิ้นปีปูพรมอาเซียน
นางสาวจันทรา พงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้พร้อมดื่ม น้ำผลไม้ผสมโยเกิร์ต น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว น้ำผลไม้หวานเย็น เยลลี่ และอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ “ดีโด้” เปิดเผยว่า ในปี 2557 บริษัทฯเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดตัวในกลุ่ม CLMV (Combodia, Laos, Myanmar , Vietnam) ผลตอบรับดีเกินคาดโดยเฉพาะประเทศเมียนมาร์ เพราะทุกแห่งต่างเชื่อมั่นต่อสินค้าอุปโภคบริโภคของแบรนด์ไทย
โดยปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบตลาดกว่า 200 ล้านบาท จัดทำภาพยนตร์โฆษณาชูคอนเซปต์ “สดชื่น สะใจ ไร้พรมแดน” ออกมาพร้อมกันถึง 5 เวอร์ชั่น พร้อมกิจกรรมรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง สื่อถึง ความสดชื่นสุดขั้ว สะใจ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ทั้งนี้เป็นผลการบุกตลาดต่างประเทศจากปีที่ผ่านมา ได้ผลตอบรับดีเกินความคาดหมาย ในเมืองหลักของ ประเทศเมียนมาร์ ทั้งที่ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเมียวดี
อีกทั้งบริษัทฯได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผีผ่านมาได้สร้างอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และในปี2557 มีการลงทุนเพิ่มอาคารผลิตใหม่ โดยการใช้เครื่องจักรที่มีเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย ตามมาตรฐานสากล ด้วยระบบไฮสปีดเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตได้อีกกว่า 50% จากปัจจุบัน
ในขณะที่เป้าหมายของการตั้งศูนย์กระจายสินค้า ให้ครอบคลุมทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จึงได้เตรียมการสร้าง 2 แห่งแรกคือ ภาคเหนือที่ จ. ตาก และ ภาคอิสานที่ จ.มหาสารคาม โดยใช้งบก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าครั้งนี้รวมประมาณ 200 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ดีโด้เป็นบริษัทเครื่องดื่มน้ำผลไม้พร้อมดื่มเบอร์ 1 ของภูมิภาคอาเซียนได้
“ ปัจจุบันมูลค่ารวมของตลาดน้ำผลไม้มีมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ในส่วนของดีโด้มีมาร์เก็ตแชร์ กว่า 40% ในตลาดน้ำผลไม้กลุ่ม Economy Juice และ Super Economy Juice
ในปี 2556 ดีโด้ มียอดจำหน่ายเติบโตกว่า 10% จากปีที่ผ่านมา มีมูลค่ารวมประมาณ 2,400 ล้านบาท แบ่งเป็นการจำหน่ายภายในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศมีการเติบโตกว่า 30%
และในปี 2557 บริษัทฯตั้งเป้าเติบโตไว้กว่า 20% โดยคาดการณ์จะทำยอดขายที่ 3,000 ล้านบาท ตั้งเป้าขยายสัดส่วนตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ถือเป็นเป็นเป้าหมายหลัก โดยปีนี้เราคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 10% จะทำให้บริษัทเติบโตขึ้นคิดเป็น 30% จากยอดขายทั้งหมด