ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร และแนวโน้ม “บ. ทรัพย์ศรีไทย” ที่ “BBB-/Negative”

อังคาร ๑๘ มีนาคม ๒๐๑๔ ๑๗:๐๐
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” โดยแนวโน้มยังคง “Negative” หรือ “ลบ” อันดับเครดิตสะท้อนถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของธุรกิจอาหารบริการด่วนที่บริษัทซื้อกิจการเข้ามาในปี 2555 อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการมีประสบการณ์ที่ยาวนานของบริษัทในธุรกิจคลังสินค้า และโอกาสในการเติบโตของธุรกิจคลังเอกสาร อย่างไรก็ตาม ความแข่งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจอาหารบริการด่วนและผลประกอบการของธุรกิจถั่วเหลืองและน้ำมันพืชที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553 ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงฐานะการเงินของบริษัทที่อ่อนตัวลงและผลประกอบการที่ประสบภาวะขาดทุนจากธุรกิจถั่วเหลืองและน้ำมันพืช อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตสามารถปรับกลับมาเป็น “Stable” หรือ “คงที่” ได้เช่นเดิมหากบริษัทสามารถปรับปรุงผลขาดทุนจากธุรกิจถั่วเหลืองและน้ำมันพืช หรือสามารถขายธุรกิจดังกล่าวออกไปได้ซึ่งจะส่งผลให้ฐานะการเงินของบริษัทดีขึ้น ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตก็มีโอกาสถูกปรับลดลงหากบริษัทยังคงมีผลประกอบการที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องและต้องใช้เวลามากขึ้นในการปรับปรุงฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน

บริษัททรัพย์ศรีไทยก่อตั้งในปี 2519 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2530 ณ เดือนพฤษภาคม 2556 ครอบครัวชินธรรมมิตร์และกลุ่มเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วนรวมกันจำนวน 67.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เริ่มแรกบริษัทดำเนินธุรกิจคลังสินค้าและท่าเรือที่จังหวัดสมุทรปราการ และต่อมาได้ขยายกิจการสู่ธุรกิจคลังเอกสาร บริษัทขยายกิจการสู่ธุรกิจถั่วเหลืองและน้ำมันพืชในปี 2553 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้มีผลประกอบการที่อ่อนแอและประสบภาวะขาดทุนในปี 2555 บริษัทได้ขยายกิจการไปสู่ธุรกิจอาหารบริการด่วนโดยการซื้อกิจการของ บริษัท โกลเด้น โดนัท (ประเทศไทย) จำกัด (GD) บริษัท เอบีพี คาเฟ (ประเทศไทย) จำกัด (ABP) และ บริษัท โกลเด้น สกู๊ป จำกัด (GS) โดย GD เป็นบริษัทที่ถือสิทธิในการประกอบธุรกิจร้าน “Dunkin’ Donuts” ในประเทศไทย และ “Dunkin’ Donuts” เป็นเครือข่ายร้านอาหารบริการด่วนที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ส่วน ABP เป็นบริษัทที่ถือสิทธิในการประกอบธุรกิจอาหารภายใต้ตรา“Au Bon Pain” และ GS เป็นผู้ประกอบกิจการจำหน่ายไอศกรีมภายใต้แบรนด์ “Baskin Robbins” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

หลังจากการซื้อกิจการต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา ฐานธุรกิจของบริษัททรัพย์ศรีไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ในปี 2556 ธุรกิจอาหารซึ่งเป็นธุรกิจหลักสร้างรายได้ให้แก่บริษัท 86% ของรายได้ทั้งหมด อีก 11% มาจากธุรกิจคลังสินค้า และ 3% มาจากธุรกิจถั่วเหลืองและน้ำมันพืช ในปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 2,131 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 2,147 ล้านบาทในปี 2555 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการหยุดผลิตของธุรกิจถั่วเหลืองและน้ำมันพืชตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554

ณ สิ้นปี 2556 Dunkin’ Donuts มีสาขา 246 แห่งทั่วประเทศไทย ในขณะที่ Au Bon Pain มีสาขารวม 60 แห่ง และ Baskin Robbins มีสาขารวม 23 แห่ง แม้จะมีการแข่งขันที่รุนแรงและภาวะชะลอตัวของการบริโภคในประเทศ แต่ธุรกิจอาหารของบริษัทยังคงเติบโต 12% ในปี 2556 โดยบริษัทมีรายได้จากธุรกิจอาหาร 1,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,627 ล้านบาทในปี 2555 การเติบโตดังกล่าวเกิดจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของทั้ง 3 แบรนด์ โดย Dunkin’ Donuts และAu Bon Pain เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงและมีกระแสเงินสดเป็นบวก ในขณะที่ Baskin Robbins ยังคงต้องใช้เวลาในการสร้างแบรนด์และผลการดำเนินงาน

สำหรับธุรกิจคลังสินค้า บริษัทเป็นเจ้าของคลังสินค้าและคลังเอกสารรวม 51 หลังและมีท่าเทียบเรือ 2 ท่า โดยมีพื้นที่เก็บสินค้าทั้งสิ้น 81,769 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทมีรายได้จากธุรกิจนี้ 242 ล้านบาทในปี 2556 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9% โดยกว่า 60% ของรายได้ของธุรกิจคลังสินค้ามาจากธุรกิจคลังเอกสาร และในอนาคตโอกาสเติบโตของธุรกิจคลังสินค้าของบริษัทจะมาจากธุรกิจคลังเอกสารเป็นหลัก

แม้บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการหลายแห่ง แต่ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทยังคงอ่อนตัว กล่าวคือ บริษัทมีผลขาดทุนติดต่อกัน 2 ปี คือ 181 ล้านบาทในปี 2555 และ 107 ล้านบาทในปี 2556 ผลขาดทุนดังกล่าวเกิดจากผลการดำเนินงานที่ขาดทุนของธุรกิจถั่วเหลืองและน้ำมันพืช และการบันทึกการด้อยค่าที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจถั่วเหลืองและน้ำมันพืช นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นจากการที่บริษัทใช้เงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ในการซื้อกิจการเป็นหลัก ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุน ฐานะการเงินของบริษัทต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มสูงสุดที่ 59.9% ในปี 2556 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีสภาพคล่องที่ยอมรับได้อันเป็นผลจากกระแสเงินสดที่สม่ำเสอของธุรกิจอาหารและคลังสินค้า บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายรวมกันจำนวน 284 ล้านบาทในปี 2556 เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนที่ 265 ล้านบาท อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 2.3 เท่าในปี 2556 และมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงิน

กู้รวมอยู่ที่ 7.9%ธุรกิจถั่วเหลืองและน้ำมันพืชยังคงเป็นภาระของบริษัท ในขณะที่บริษัทยังไม่มีรายได้จากธุรกิจนี้ แต่กลับมีต้นทุนคงที่และภาระทางการเงินประมาณ 90 ล้านบาทต่อปีในอีก 3 ปีข้างหน้าจากธุรกิจดังกล่าว บริษัทมีแผนจะขายธุรกิจถั่วเหลืองและน้ำมันพืชออกไป อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ ทั้งนี้ หากบริษัทสามารถขายธุรกิจที่สร้างผลขาดทุนออกไปได้ ฐานะการเงินของบริษัทก็จะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน

บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) (SST)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version