เพื่อสนับสนุนและสร้างโอกาสให้ไทยเป็นฐานการผลิตเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายมุสลิมสู่อาเซียน สำหรับการลงนามในครั้งนี้มีเจตจำนงความร่วมมือกัน 3 ด้านคือ 1. ด้านการพัฒนาสิ่งทอและแฟชั่นมุสลิม 2. ด้านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และบุคลากร 3. ด้านการขยายตลาดออกสู่สากล กล่าวคือ พัฒนาสิ่งทอและแฟชั่นมุสลิม โดยการแลกเปลี่ยนบุคลากรที่มีความรู้และความสามารถในการออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกายมุสลิม รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก เช่น ศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ เพื่อสะท้อนมุมมองของการออกแบบสิ่งทอและแฟชั่นมุสลิมให้ตรงตามความต้องการของตลาดมาเลเซีย ตลาดอาเซียนและมุ่งสู่ตลาดโลก นอกจากนี้ยังเป็นแนวทางการต่อยอดห่วงโซ่อุปทานสิ่งทอในภูมิภาคให้เกิดความแข็งแกร่ง สามารถแข่งขันได้ในระดับสากลต่อไป
นอกจากนี้ยังจัดให้มีการสัมมนา "ออกแบบเสื้อผ้ามุสลิมสู่สากลทำได้อย่างไร (Global Muslim Fashion Design)" โดย ผู้ช่วยศาตราจารย์ ชาริฟา อัลวิอา ไซยิด สาฮิล จากคณะศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยี มารา ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมากด้วยประสบการณ์ มาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการภายในงาน
สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้มีการดำเนินการพัฒนามาโดยตลอด ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำเนินงานโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ สงขลา ยะลา ปัตตานี สตูล นราธิวาส จนสามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการนำองค์ความรู้ที่ได้จากโครงการมาผลิตผลิตภัณฑ์ต้นแบบ คือ “ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม ภายใต้แบรนด์ Lawa@THTI ใน Collection บุหงาสลาตัน พร้อมประเดิมบุกตลาดอาเซียนโดยนำออกแสดงและจำหน่ายในงาน Thailand Trade Show 2013 ระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าวีโว่ซิตี้ ประเทศสิงคโปร์ และในปี 2557 นี้ สถาบันได้ดำเนินโครงการในระยะที่ 2 อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายต่อยอดองค์ความรู้ชูนวัตกรรม เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดภายในปลายปีนี้อย่างแน่นอน
จากการดำเนินโครงการดังกล่าว ประกอบการร่วมลงนาม MOU ในครั้งนี้ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมไทยจะสามารถก้าวเข้าสู่เวทีสากลได้อย่างมีศักยภาพและยั่งยืน